แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ให้ บ. เช่าโรงภาพยนตร์และเครื่องอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์ต่อมา บ. นำทรัพย์สินดังกล่าวไปให้จำเลยเช่าช่วงโดยได้รับความยินยอมจากโจทก์ จำเลยจึงเป็นผู้เช่าช่วงทรัพย์สินของโจทก์โดยชอบ หาใช่เป็นบริวารของ บ. ไม่ จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเช่าให้โจทก์โดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545และเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับ บ. สิ้นสุดลงก็ทำให้สัญญาเช่าช่วงระหว่างจำเลยกับ บ. สิ้นสุดลงด้วย จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าเช่าให้โจทก์นับแต่นั้น แต่เมื่อจำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินที่เช่าช่วงอยู่ จำเลยก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จนถึงวันที่ส่งมอบทรัพย์สินคืนโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์อุดมสุขมีนายบุญชู วัฒนศรีมงคล เป็นผู้เช่าเดิม นายบุญชูให้จำเลยเช่าช่วงโรงภาพยนตร์และอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์ต่อไป ทั้งนายบุญชูและจำเลยค้างชำระค่าเช่าตลอดมา โจทก์ได้ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าค้างชำระจากนายบุญชูโจทก์กับนายบุญชูทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยนายบุญชูยอมชำระค่าเช่าที่ค้างแต่นายบุญชูไม่ชำระและไม่สามารถส่งมอบโรงภาพยนตร์และอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์ให้แก่โจทก์ได้ เนื่องจากจำเลยครอบครองอยู่จำเลยในฐานะผู้เช่าช่วงต้องรับผิดชำระค่าเช่าและค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 831,859 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า จำเลยทำสัญญาเช่ากับนายบุญชูแต่มิได้เช่าช่วงจากโจทก์ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์จำเลยส่งมอบโรงภาพยนตร์คืนโจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 801,129.03 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเงินเสร็จกับให้ชำระเงิน 7,870.97 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 142,666.61 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 3 เมษายน 2527จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาในชั้นฎีกาก็คือจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเช่าและค่าเสียหายให้โจทก์เพียงใดหรือไม่ ในปัญหาดังกล่าวมีข้อควรพิจารณาว่าจำเลยเป็นผู้เช่าช่วงโรงภาพยนตร์และเครื่องอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์ของโจทก์โดยชอบหรือไม่ ปรากฏตามสัญญาเช่าหมาย จ.3 ซึ่งนายบุญชู วัฒนศรีมงคล ทำไว้กับโจทก์ว่าผู้เช่าจะไม่เอาสถานที่เช่าไปให้เช่าช่วง เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่า ต่อมานายบุญชูได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากโจทก์เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2522ให้นำโรงภาพยนตร์และเครื่องอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์ของโจทก์ไปให้เช่าช่วงได้ตามหนังสือหมาย จ.4 วันที่ 17 ธันวาคม 2523นายบุญชูจึงให้จำเลยเช่าช่วงทรัพย์สินดังกล่าวของโจทก์ตามสัญญาเช่าเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 ดังนั้นจำเลยจึงเป็นผู้เช่าช่วงทรัพย์สินดังกล่าวของโจทก์โดยชอบและต้องรับผิดต่อโจทก์โดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545 จำเลยหาใช่เป็นบริวารของนายบุญชูไม่ จำเลยต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์โดยตรงตามบทมาตราดังกล่าว จำเลยค้างชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เมื่อใดนั้นจำเลยเบิกความว่าไม่ทราบว่าค้างชำระค่าเช่าหรือไม่การชำระค่าเช่ามีใบเสร็จรับเงิน แต่จำเลยไม่ได้แสดงใบเสร็จรับเงินต่อศาลเลย ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยและนายบุญชูยังไม่ได้ชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2525 เป็นต้นมา นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์คัดค้านในข้อนี้จึงฟังได้ตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าจำเลยไม่ชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2525 เป็นต้นมา สัญญาเช่าหมาย จ.3ระหว่างโจทก์และนายบุญชูสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2525และโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่านี้เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าโดยบอกเลิกไว้ล่วงหน้าตามหนังสือหมาย จ.7 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2525ในสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 13664/2526 ของศาลชั้นต้น ดังนั้นสัญญาเช่าระหว่างโจทก์และนายบุญชูจึงสิ้นสุดลงในวันที่30 มิถุนายน 2525 ซึ่งทำให้สัญญาเช่าช่วงระหว่างจำเลยและนายบุญชูสิ้นสุดลงในวันเดียวกันนี้ด้วยเพราะเมื่อนายบุญชูไม่มีสิทธิเช่าต่อไปแล้ว นายบุญชูย่อมไม่มีสิทธิให้จำเลยเช่าช่วงต่อไปด้วยเมื่อสัญญาเช่าช่วงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2525จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าเช่าให้โจทก์นับแต่เดือนกรกฎาคม 2525เป็นต้นไป ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2525 จึงไม่ถือว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่าให้โจทก์แต่อย่างใดแต่เมื่อจำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินที่เช่าช่วงตลอดมาจนถึงวันที่ 3 เมษายน 2527 จำเลยจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์นับแต่เดือนกรกฎาคม 2525 ถึงวันที่ 3 เมษายน 2527สำหรับค่าเสียหายเดือนกรกฎาคม 2525 นั้น เป็นเงิน 5,000 บาทตามที่โจทก์เรียกร้องและตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับนายบุญชูในคดีหมายเลขแดงที่ 13664/2526 ของศาลชั้นต้นส่วนค่าเสียหายนับแต่เดือนสิงหาคม 2525 ถึงวันที่ 3 เมษายน 2527นั้น เห็นสมควรกำหนดให้ในอัตราเดือนละ 40,000 บาท ตามที่โจทก์ขอเพราะหากโจทก์ให้นายบุญชูเช่าต่อไป โจทก์ก็จะได้ค่าเช่าในอัตราเดียวกันนี้ ดังนั้นค่าเสียหายตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2525ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2527 อันเป็นวันก่อนวันฟ้องเป็นเวลา 19 เดือนกับ 28 วัน เป็นค่าเสียหาย 796,129.03 บาทรวมค่าเสียหายถึงวันที่ 28 มีนาคม 2527 ทั้งสิ้น 801,129.03 บาทกับค่าเสียหายตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2527 ถึงวันที่ 3 เมษายน 2527 อีก 6 วันเป็นเงิน 7,870.97 บาท ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น