คำสั่งคำร้องที่ 1915/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีคลาดเคลื่อนจากพยานหลักฐานในสำนวน คำเบิกความของพยานโจทก์เป็นพยานบอกเล่ารับฟังไม่ได้ การจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจไม่ชอบด้วยกฎหมายและพนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 97 แผ่นที่ 2และที่ 3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มีไม้สักท่อน และไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48,69,73,74,74 ทวิ,74 จัตวา ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฯลฯฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 ปี ฐานมีไม้สักท่อนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำคุก 2 ปี ฐานมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 5 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48,69 วรรคสุดท้าย,73 วรรคสุดท้าย,74,74 ทวิ,74 จัตวา และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้วนอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 84)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 91,95)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาโต้แย้งคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้รับฟังฝ่าฝืนคลาดเคลื่อนไปจากพยานหลักฐานในสำนวน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ส่วนอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ว่าการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจไม่ชอบด้วยกฎหมาย พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จำเลยมิได้ฎีกาในข้อเหล่านี้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share