คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6590/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป.อ. มาตรา 340 ตรี มุ่งหมายที่จะลงโทษให้หนักขึ้นเฉพาะผู้ที่มีหรือใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์เท่านั้น มิใช่ว่าผู้ที่ร่วมกระทำการปล้นทรัพย์รายเดียวกันจะต้องระวางโทษหนักขึ้นทุกคน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีและใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์ส่วนจำเลยที่ 3 เพียงแต่รู้เห็นร่วมในการปล้นทรัพย์ด้วย ดังนี้ จำเลยที่ 3 ไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 ตรี ด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้กระดาษกาวปิดปากและใช้เชือกผูกข้อมือและเท้าทั้งสองข้างของผู้เสียหายติดกับต้นไม้อันเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์พาทรัพย์นั้นไป ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ และคดีได้ความว่าหลังจากที่จำเลยทั้งสามลวงผู้เสียหายขับรถยนต์มาแล้ว ระหว่างทางจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้เสียหายหยุดรถและเปลี่ยนไปนั่งตอนกลางเบาะ จากนั้นจำเลยที่ 1 ได้ขับรถต่อมาไม่ห่างจากจุดแรกเท่าใดนักแล้วเลี้ยวเข้าไปข้างทาง จำเลยทั้งสามได้นำผู้เสียหายลงจากรถยนต์ จำเลยที่ 2 ใช้เชือกมัดผู้เสียหายไขว้หลัง ใช้กระดาษกาวปิดปากและคุมตัวเข้าไปในป่า จำเลยที่ 3 ใช้เชือกมัดมือเท้าผู้เสียหายติดกับต้นไม้ จำเลยที่ 2 ใช้เชือกมัดลำตัวติดกับต้นไม้กับล้วงเอาเงินของผู้เสียหายไป จากนั้นพากันขับรถยนต์ของผู้เสียหายหลบหนีไป แสดงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้เสียหายเพื่อสะดวกแก่การปล้นทรัพย์และพาทรัพย์นั้นไปและให้พ้นจากการจับกุมในขณะที่การปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอนจากกัน อันเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำในองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นเอง จึงหาใช่เป็นความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้เสียหายอีกกรรมหนึ่งต่างหากไม่ การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายในระหว่างทำการปล้นทรัพย์ก็หาใช่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายอีกบทหนึ่งไม่เช่นกัน ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี , 83 และจำเลยที่ 3 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 83

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ , ๓๔๐ ตรี , ๓๑๐ , ๒๙๕ , ๙๓ , ๙๑ , ๘๓ , ๓๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๗ , ๘ ทวิ , ๗๒ , ๗๒ ทวิ คืนรถยนต์พร้อมเงินสด ๑๒๐ บาท ของกลางแก่ผู้เสียหาย ริบอาวุธปืนลูกซองพก กระสุนปืนลูกซอง… และเพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตามกฎหมายด้วย
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ ๒ รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาแล้วจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม ริบของกลางและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินจำนวน ๑๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง ลงโทษจำคุก ๑๕ ปี รวมกับโทษฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังอีก ๖ เดือน เป็นจำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑๕ ปี ๖ เดือน คำให้การของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาพิพากษาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คนละหนึ่งในสาม คงให้จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๕ ปี ๔ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑๐ ปี ๔ เดือน คำขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ ๓ มิได้มีหรือใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายแต่อย่างใด ซึ่งตามเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ ตรี มุ่งหมายที่จะลงโทษให้หนักขึ้นเฉพาะผู้ที่มีหรือใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์เท่านั้น มิใช่ว่าผู้ที่ร่วมกระทำการปล้นทรัพย์รายเดียวกันจะต้องระวางโทษหนักขึ้นทุกคน เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีและใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ ๓ เพียงแต่รู้เห็นร่วมในการปล้นทรัพย์ด้วย ดังนี้ กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ ตรี ด้วยเหตุดังได้วินิจฉัยมา จำเลยที่ ๓ ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ ตรี ด้วย ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
อย่างไรก็ดี โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้กระดาษกาวปิดปากและใช้เชือกผูกข้อมือและเท้าทั้งสองข้างของผู้เสียหายติดกับต้นไม้อันเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไป ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ และคดีได้ความว่าหลังจากที่จำเลยทั้งสามลวงผู้เสียหายขับรถยนต์มาแล้ว ระหว่างทางจำเลยที่ ๑ ใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ผู้เสียหายหยุดรถและเปลี่ยนไปนั่งตอนกลางเบาะ จากนั้นจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถต่อมาไม่ห่างจากจุดแรกเท่าใดนักแล้วเลี้ยวเข้าไปข้างทาง จำเลยทั้งสามได้นำผู้เสียหายลงจากรถยนต์ จำเลยที่ ๒ ใช้เชือกมัดผู้เสียหายไขว้หลัง ใช้กระดาษกาวปิดปากและคุมตัวเข้าไปในป่า จำเลยที่ ๓ ใช้เชือกมัดมือเท้าผู้เสียหายติดกับต้นไม้ จำเลยที่ ๒ ใช้เชือกมัดลำตัวติดกับต้นไม้กับล้วงเอาเงินของผู้เสียหายไป ๒๒๐ บาท จากนั้นพากันขับรถยนต์ของผู้เสียหายหลบหนีไป แสดงว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้เสียหายเพื่อสะดวกแก่การปล้นทรัพย์และพาทรัพย์นั้นไปและให้พ้นจากการจับกุมในขณะที่การปล้นทรัพย์ยังไม่ขาดตอนจากกัน อันเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำในองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นเอง จึงหาใช่เป็นความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้เสียหายอีกกรรมหนึ่งต่างหากดังที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษมาไม่ รวมทั้งการที่จำเลยทั้งสามร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายในระหว่างทำการปล้นทรัพย์ก็หาใช่เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายอีกบทหนึ่งดังที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทมาด้วยไม่เช่นกัน ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๓๔๐ ตรี , ๘๓ และจำเลยที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ จำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ คนละ ๒๒ ปี ๖ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑๕ ปี และจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๗ , ๗๒ วรรคหนึ่ง , ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง , ๗๒ ทวิ วรรคสอง ความผิดฐานมีอาวุธปืนจำคุก ๑ ปี ความผิดฐานพาอาวุธปืนจำคุก ๖ เดือน ไม่เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ลดโทษให้จำเลยทั้งสามคนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ ๑๕ ปี ในความผิดฐานมีอาวุธปืน ๘ เดือน และในความผิดฐานพาอาวุธปืน ๔ เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑๕ ปี ๑๒ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๕ ปี และจำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑๐ ปี คืนรถยนต์และเงิน ๑๒๐ บาท ของกลางแก่เจ้าของ ริบอาวุธปืน กระสุนปืน กระดาษกาว เชือก และเศษกระดาษกาวของกลาง กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้เงิน ๑๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก.

Share