คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3151/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงเชื่อ ได้ว่าโจทก์ได้จัดการซ่อมรถแทรกเตอร์ให้แก่จำเลยมีรายการตามเอกสารจริง แม้เอกสารนั้นเป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นเอง โดยไม่มีจำเลยหรือตัวแทนของจำเลยรับรองความถูกต้องกรณีดังกล่าวก็ไม่อยู่ในบังคับกฎหมายให้จำเลยหรือตัวแทนของจำเลยต้องลงชื่อรับรองความถูกต้อง ศาลรับฟังเอกสารนั้นได้ คำฟ้องโจทก์ขอให้คิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่ค้างชำระจนถึงวันที่จำเลยจะชำระเสร็จ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระครั้งสุดท้าย จึงไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอแต่อย่างใด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินซึ่งเป็นหนี้โจทก์จำเลย 259,740.41 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ว่าจ้างโจทก์ให้ทำการซ่อมรถแทรกเตอร์จริง แต่จำนวนเงินค่าจ้างซ่อมตลอดจนค่าอะไหล่ที่ค้างชำระไม่ถึงจำนวนที่ฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ที่ค้างให้แก่โจทก์หลายครั้งแล้ว และไม่เคยตกลงกับโจทก์ว่า หากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยหรือค่าเสียหายร้อยละ 18 ต่อปี หนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ไม่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน โจทก์ไม่เคยกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ จำเลยที่ 1 ค้างชำระหนี้โจทก์อยู่ไม่เกิน 100,000 บาท และเป็นหนี้ที่ขาดอายุความฟ้องร้องแล้วทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 173,690 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า เอกสารหมาย จ.9 และเอกสารหมาย จ.10 แผ่นที่ 2 ไม่มีการเซ็นรับรองโดยจำเลย หรือตัวแทนของจำเลย เป็นเอกสารที่โจทก์ทำขึ้นเอง จำเลยมิได้รับรองความถูกต้อง เอกสารดังกล่าวจึงฟังไม่ได้นั้น เห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นรายการอันเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการซ่อมรถ ซึ่งนางบุบผาศรี ลุมพิกานนท์ นางสาวอาภรณ์กาญจนหิรัญและนายชาญวิทย์ นำพบสันติ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสมุห์บัญชีผู้ช่วยสมุห์บัญชี และผู้จัดการฝ่ายซ่อมและบริการของโจทก์ตามลำดับมาเบิกความเป็นพยานยืนยันว่า จำเลยที่ 1 ได้ว่าจ้างโจทก์ให้ซ่อมรถแทรกเตอร์ โจทก์ได้จัดการซ่อมมีรายการตามเอกสารหมาย จ.9และเอกสารหมาย จ.10 แผ่นที่ 2 พยานโจทก์ทั้งสามปากเป็นลูกจ้างของโจทก์ ปฏิบัติการไปตามหน้าที่ไม่มีส่วนได้เสียให้ผลแห่งคดี จึงเชื่อได้ว่าโจทก์ได้จัดการซ่อมรถแทรกเตอร์ให้แก่จำเลยมีรายการตามเอกสารดังกล่าวจริง เอกสารดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้จำเลย หรือตัวแทนของจำเลยต้องลงชื่อรับรองความถูกต้องศาลจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวได้
จำเลยทั้งสองฎีกาต่อมาว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2526 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเป็นการไม่ชอบเพราะตามคำขอท้ายฟ้อง โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่ชำระเสร็จ จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำฟ้องโจทก์ได้ขอคิดดอกเบี้ยนับแต่วันที่ค้างชำระจนถึงวันที่จำเลยจะชำระเสร็จ ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่จำเลยผิดนัดชำระหนี้ครั้งสุดท้ายจึงเป็นการชอบแล้ว ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอแต่อย่างใด…”
พิพากษายืน.

Share