คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้องจำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จริง เป็นแต่ต่อสู้ว่าคู่สัญญาตกลงกันให้ชำระเป็นข้าวเปลือก ได้ความเช่นนี้คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยกู้เงินโจทก์โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือจริงตามฟ้อง ไม่จำต้องอาศัยฟังเอกสาร
การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา แม้จะเป็นโมฆะแต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นส่วนที่แยกออกจากการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ซึ่งเป็นส่วนที่สมบูรณ์แล้วนั้นได้ การกู้เงินหาตกเป็นโมฆะด้วยไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้องเป็นเงิน 10,000 บาท

จำเลยให้การว่า ได้ทำสัญญากู้เงินจริง แต่จำเลยได้ชำระหนี้รายนี้ด้วยข้าวเปลือก หนี้เป็นอันระงับไปแล้ว และโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา

ศาลชั้นต้นเห็นว่า หนี้ระงับไปแล้ว เพราะจำเลยได้ชำระหนี้เป็นข้าวเปลือกดอกเบี้ยเกินอัตราเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้รายนี้แก่โจทก์ พิพากษากลับให้จำเลยชำระหนี้ต้นเงิน 10,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้อ้างสัญญากู้เป็นพยานนั้นในข้อนี้เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์จริง เป็นแต่ต่อสู้ว่า คู่สัญญาตกลงกันให้ชำระเป็นข้าวเปลือกได้ความเช่นนี้ คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือจริงตามฟ้อง ไม่จำต้องอาศัยฟังจากเอกสาร

ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่าสัญญานี้ขัดต่อกฎหมาย เพราะอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในสัญญาไม่มีผลบังคับได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ แม้จะเป็นโมฆะก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นส่วนที่แยกออกจากการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ซึ่งเป็นส่วนที่สมบูรณ์แล้วนั้นได้ การกู้เงินหาตกเป็นโมฆะด้วยไม่

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่ได้ชำระหนี้รายนี้แก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share