แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต ซึ่งศาลจะสั่งให้จับกุมและกักขังไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยใช้รถขุดไถเข้าถากถางขุดดินในที่ดินของโจทก์แล้วขนดินไปทำถนนในงานสร้างทางของจำเลยโดยมิได้รับอนุญาต เรียกค่าเสียหายจากจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นหมายเรียกกรมทางหลวงแผ่นดินเข้าเป็นจำเลยร่วม
กรมทางฯ ให้การว่า ที่ดินพิพาททางการประกาศสงวนไว้เพื่อประโยชน์งานทาง
โจทก์จำเลยทั้งสองได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาล มีใจความสำคัญว่า จำเลยที่ 1 ยอมเกลี่ยพื้นที่ดินพิพาทจำนวน 6 ไร่ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขุดให้เรียบร้อยโดยไม่ให้เป็นหลุมเป็นบ่อภายในกำหนด 30 วัน โดยจำเลยที่ 1 ยอมเสียค่าใช้จ่ายเอง โจทก์ยอมรับรองว่าแผนที่ที่ดินสงวนของกรมทางฯ แปลงที่ 39 ซึ่งจำเลยที่ 2 ยื่นต่อศาลนั้น เป็นแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมทางฯ โดยถูกต้อง และจำเลยที่ 2 ไม่ติดใจว่ากล่าวกับโจทก์ ฯลฯ ศาลได้พิพากษาและบังคับคดีตามยอม
ต่อมาวันที่ 22 มีนาคม 2508 โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในข้อที่ให้จำเลยที่ 1 เกลี่ยดินในที่ดินของโจทก์ภายใน 30 วันและพ้นกำหนดเวลาแล้ว ขอให้ศาลหมายจับจำเลยที่ 1มาขังไว้เพื่อปฏิบัติตามคำบังคับของศาลต่อไป
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ เพราะโจทก์กับกรมทางหลวงแผ่นดินโต้แย้งเขตที่ดิน ให้ยกคำร้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า มีปัญหาว่า นายประเทืองกรรมการผู้จัดการ จำเลยจะได้จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่ ในข้อนี้แม้นายประเทืองจะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจะเกลี่ยพื้นที่ดินจำนวน 6 ไร่ที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกเข้าขุดก็ดี ก็ได้ความว่าที่ดินของโจทก์ทางด้านเหนือติดกับบ่อลูกรังของกรมทางฯ โจทก์แถลงว่าที่ดินซึ่งร้องว่านายประเทืองยังมิได้เกลี่ยนั้น มีเฉพาะตรงด้านที่ติดกับบ่อลูกรังของกรมทางฯ ยังไม่มีเขตแน่นอน จนโจทก์กับกรมทางฯ ตกลงกันต่อศาล ขอให้นายอำเภอไปปักหลักเขตเสียก่อน โจทก์ว่าการปักหลักของอำเภอ โจทก์จะไม่โต้แย้ง เมื่อทางอำเภอไปปักหลักเขตมาแล้ว ที่โจทก์ว่าอำเภอไปปักหลักเขตไม่ถูกต้องกับเขตที่ของโจทก์และของกรมทางฯ กรมทางฯ ก็แถลงว่า ถ้าอาณาเขตไม่เป็นไปตามแผนที่แล้ว กรมทางฯ จะไม่ยอมให้เข้าทำเพราะอยู่ในเขตที่ของกรมทางฯ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์โต้แย้งมานี้ เป็นเรื่องที่โจทก์โต้เถียงเขตที่ดินของโจทก์กับของกรมทางฯ เป็นอีกเรื่องหนึ่งจากที่โจทก์ร้องขอไว้ในชั้นนี้ เมื่อได้ความจากนายประเทืองว่า ได้เกลี่ยที่ดินไปจนสุดเขตที่ของโจทก์แล้ว แม้จะไม่ครบ 6 ไร่ ก็เป็นเรื่องที่แสดงว่านายประเทืองไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต
พิพากษายืน