แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีแพ่ง โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัด โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับ และทั้งปรากฎว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพะยานต่อศาล จำเลยคัดค้านในการเลื่อน ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน และพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพะยานมาสืบ ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตาม มาตรา 174 ป.ม.วิ.แพ่ง ทั้งไม่ใช่การขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาหากแต่พะยานหลักฐานของโจทก์ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา 87(2) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพะยานหลักฐานสนับสนุน ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง และจะสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้ แม้จะถือว่าโจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไป ศาลก็ต้องตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 201 วรรค 2.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่า ที่ดินซึ่งโจทก์ปกครองอยู่เป็นกรรมสิทธิของโจทก์ โดยมารดาโจทก์แลกเปลี่ยนกับที่ของจำเลยที่ ๑ จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่เคยแลกเปลี่ยนที่ดินดังกล่าวนั้น ศาลชั้นต้นชี้สองสถาน ให้โจทก์นำสืบก่อนและนัดสืบพะยาน ถึงวันนัดโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับ ทั้งปรากฎว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพะยานต่อศาล จำเลยคัดค้านการเลื่อนและขอให้ศาลพิพากษา ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อน แล้วพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า ควรถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องซึ่งศาลควรสั่งจำหน่ายคดี หาควรพิพากษาไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีของโจทก์ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตามมาตรา ๑๗๔ และไม่ใช่เป็นการขาดนัดพิจารณาตามมาตรา ๒๐๑ คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณา หากแต่พะยานหลักฐานของโจทก์ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา ๘๗(๒) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพะยานหลักฐานสนับสนุน ศาลต้องยกฟ้อง แม้จะถือว่าโจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปเช่นในคดีนี้ ศาลก็ต้องชี้ขาดตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติในมาตรา ๒๐๑ วรรค ๒
พิพากษายืน.