แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องว่า การส่งหมายของพนักงานเดินหมายด้วยวิธีปิดหมาย กฎหมายกำหนดให้ระยะเวลามากขึ้นเพิ่มเติมออกไปอีก 15 วัน เมื่อเจ้าพนักงานส่งหมายเรียกคดีมโนสาเร่ให้แก่จำเลยโดยวิธีการปิดหมายวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 กรณีจึงต้องให้ระยะเวลาแก่จำเลยสามารถยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ภายในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2556 แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ตามที่ระบุในหมายเรียก ศาลมีคำสั่งให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยให้โจทก์นำพยานเข้าสืบไปฝ่ายเดียว และรอฟังคำพิพากษาในวันดังกล่าว เท่ากับจำเลยอ้างว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมหรือที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเรื่องการส่งคำคู่ความ จึงเป็นการยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 มิใช่คำร้องเพื่อขอใช้สิทธิ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 ตรี จัตวา และเบญจ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 120,180 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2556 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2556 จำเลยยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยด้วยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ก่อนวันนัดพิจารณาเพียง 13 วัน การปิดหมายยังไม่มีผล แต่ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 อันเป็นวันนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณาพิพากษาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ขอให้เพิกถอนคำสั่งและอนุญาตให้จำเลยพิจารณาคดีใหม่ โดยให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ ซึ่งจำเลยได้รับหมายเรียกโดยชอบแล้ว จำเลยจะต้องมาให้การในวันนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 193 การที่ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและมีคำพิพากษาจึงไม่ใช่กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ และไม่มีเหตุให้พิจารณาคดีใหม่ ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คำร้องของจำเลยเป็นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 หรือไม่ เห็นว่า จำเลยยื่นคำร้องว่า การส่งหมายของพนักงานเดินหมายด้วยวิธีปิดหมาย กฎหมายกำหนดให้ระยะเวลามากขึ้นเพิ่มเติมออกไปอีก 15 วัน เมื่อมีการปิดหมายวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 กรณีจึงต้องให้ระยะเวลาแก่จำเลยสามารถยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ภายในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2556 แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ตามที่ระบุในหมายเรียก ศาลมีคำสั่งให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยให้โจทก์นำพยานเข้าสืบไปฝ่ายเดียว และรอฟังคำพิพากษาในวันดังกล่าว เท่ากับจำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานส่งหมายเรียกคดีมโนสาเร่ให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งการส่งหมายโดยวิธีการดังกล่าวจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดสิบห้าวันได้ล่วงพ้นไปแล้วนับตั้งแต่เวลาที่หมายเรียกคดีมโนสาเร่ได้ปิดไว้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โดยให้โจทก์นำพยานเข้าสืบไปฝ่ายเดียว และรอฟังคำพิพากษาในวันดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการยกข้ออ้างว่าการส่งหมายเรียกคดีมโนสาเร่ให้แก่จำเลยยังไม่มีผลใช้ได้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม หรือที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเรื่องการส่งคำคู่ความ คำร้องของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นการยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 มิใช่คำร้องเพื่อขอใช้สิทธิ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ตรี จัตวา และเบญจ ดังที่จำเลยฎีกา เมื่อจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวเกินกว่าแปดวันนับแต่วันที่จำเลยได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลเหตุแห่งข้ออ้างนั้นดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย จำเลยจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้อง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ