คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยนำรถยนต์ เข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดย จำเลยทำสัญญาไว้ต่อ โจทก์ว่าจะส่งรถยนต์ คันดังกล่าวกลับออกไปภายในเวลาที่กำหนด มิฉะนั้นจำเลยยอมรับผิดชำระเงินแก่โจทก์ การที่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม สัญญา อ้างว่าเป็นการพ้นวิสัยเนื่องจากประเทศที่จำเลยจะส่งรถยนต์ กลับออกไปตาม สัญญานั้นเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยใช้ สิทธิการปกครองแตกต่าง กับประเทศไทย จำเลยไม่กล้านำรถยนต์ กลับออกไปยังประเทศดังกล่าว ดังนี้ เป็นเพียงจำเลยไม่กล้านำรถยนต์ กลับออกไปเท่านั้น ไม่ใช่จำเลยกระทำไม่ได้ การชำระหนี้ของจำเลยไม่เป็นการพ้นวิสัย จำเลยต้อง ชำระเงินแก่โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาไม่นำรถยนต์กลับออกไปนอกราชอาณาจักรขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 110,000 บาท และเงินเพิ่ม
จำเลยให้การปฏิเสธ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 50,000 บาท พร้อมเงินเพิ่ม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2518 จำเลยนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นปี 1969 เลขทะเบียน ว.จ.ข.4119 เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทางด่านศุลกากรหนองคาย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย เป็นการชั่วคราว โดยจำเลยทำสัญญาไว้ต่อโจทก์ว่าจะส่งรถยนต์คันดังกล่าวกลับออกไปภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์2518 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวโจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้…
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อที่สองมีว่า การชำระหนี้ของจำเลยเป็นการพ้นวิสัยหรือไม่ จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่สามารถส่งรถยนต์กลับออกไปตามสัญญา เนื่องจากประเทศลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยใช้สิทธิการปกครองแตกต่างกับประเทศไทย รัฐบาลลาวมีนโยบายผลักดันพลเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับลัทธิปกครองของตนให้ออกไปเสียจากประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศ จำเลยซึ่งเป็นคนไทยไม่สามารถกลับเข้าไปประกอบธุรกิจในประเทศลาวได้ การปฏิบัติตามสัญญาเป็นการพ้นวิสัย ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อสัญญาตามเอกสารหมาย จ.1 ระบุว่า หากจำเลยผิดสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใด ยอมชำระเงินให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่นำรถยนต์กลับออกไปไม่ว่าด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องชำระเงินแแก่โจทก์ ยิ่งกว่านั้นจำเลยเบิกความว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศลาว จำเลยไม่กล้านำรถยนต์กลับออกไปยังประเทศดังกล่าว จึงเห็นได้ว่าจำเลยเพียงไม่กล้านำรถยนต์กลับออกไปเท่านั้นไม่ใช่จำเลยกระทำไม่ได้ การชำระหนี้ของจำเลยไม่เป็นการพ้นวิสัย…”
พิพากษายืน.

Share