คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโดยถือว่าสัญญายังไม่เลิกกัน คำฟ้องจึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายของโจทก์อันเกิดแต่การที่จำเลยบอกเลิกสัญญาตาม ป.พ.พ. มาตรา 605 และโจทก์ย่อมไม่อาจนำสืบถึงความเสียหายของโจทก์ดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำฟ้อง เมื่อคดีนี้ไม่มีประเด็นและคู่ความก็มิได้นำสืบกันมา ศาลจะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยเอาเองโดยไม่มีข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานสนับสนุนย่อมเป็นการไม่ชอบ และมีเหตุสมควรให้โอกาสโจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 9,885,816.90 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 9,787,444.86 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2538 จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างทาวน์เฮาส์ 236 หลัง ในราคา 208,500,000 บาท ตกลงจ่ายค่าเตรียมงาน 20,850,000 บาท แก่โจทก์ โดยแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด เงินค่าเตรียมงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง โจทก์ทำงานส่วนแรกโดยก่อสร้างทาวน์เฮาส์เป็นบ้านตัวอย่าง 3 หลัง เสร็จแล้ว คิดเป็นค่าจ้างตามผลงานเป็นเงิน 4,787,444.86 บาท โจทก์ส่งมอบงานให้แก่จำเลยแล้ว แต่จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าจ้าง และไม่ชำระค่าเตรียมงานงวดที่ 2 แก่โจทก์ในวันที่ 10 มกราคม 2539 โจทก์จึงหยุดทำงานตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2539
ปัญหาตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินตามฟ้องให้โจทก์หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างระหว่างโจทก์กับจำเลยเลิกกันแล้วโดยจำเลยเป็นผู้บอกเลิกสัญญาโดยอาศัยสิทธิในฐานะผู้ว่าจ้าง และโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา กรณีจึงต้องด้วยบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 605 ที่จำเลยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้น แต่เมื่อโจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโดยถือว่าสัญญายังไม่เลิกกัน คำฟ้องจึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายของโจทก์อันเกิดแต่การที่จำเลยบอกเลิกสัญญาตาม ป.พ.พ. มาตรา 605 และโจทก์ย่อมไม่อาจนำสืบถึงความเสียหายของโจทก์ดังกล่าวได้เนื่องจากเป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำฟ้อง เมื่อคดีนี้ไม่มีประเด็นและคู่ความก็มิได้นำสืบกันมา ศาลจะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยเอาเองโดยไม่มีข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานสนับสนุนย่อมเป็นการไม่ชอบ และมีเหตุสมควรให้โอกาสโจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่ให้ตรงกับความเป็นจริง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาคงเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยตามนัยดังกล่าวข้างต้นภายในกำหนดอายุความ.

Share