แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยมีหน้าที่สืบพยานก่อน จำเลยก็รับรองไม่คัดค้าน จนสืบพยานจำเลยไป 4 ปาก แล้วยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามคำพยานจำเลยว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์กับขออ้างตราจองประกอบการวินิจฉัย ส่วนพยานอื่นๆ ของดสืบต่อไป ดังนี้ เป็นการของดสืบพยานจำเลยโดยความสมัครใจของจำเลยเอง การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาคดีนั้น ต้องถือว่าเป็นการสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่จะสืบต่อไป ฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่นั้น ก็หมายความว่า ให้สืบพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดไว้นั้นต่อไปเท่านั้น และเมื่อศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์ต่อไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยก็มิได้แถลงหรือคัดค้านจะขอสืบพยานจำเลยต่อไปแต่อย่างใด จนเมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้วจำเลยจึงแถลงขอสืบพยานจำเลยต่อไป ดังนี้ ศาลสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาคดี จึงเป็นการชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยสืบพยานจำเลยไปแล้ว 4 ปาก ก็ยื่นคำร้องว่าปรากฏจากคำขุนนิตินาทฯ นายทะเบียนที่ดินพยานจำเลยว่า ที่พิพาทเป็นของนายห่อ โจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลยจำเลยขออ้างตราจองเลขที่ 32 ส่วนพยานอื่นของดสืบต่อไป
ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์จำเลยแล้ว สั่งงดสืบพยานพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจนเสร็จสิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์ต่อไปจนหมดพยานโจทก์ จำเลยแถลงขอสืบพยานอีก ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต และพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ในข้อที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยาน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงในคดี จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ไม่ได้ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อที่ว่า ศาลล่างดำเนินการพิจารณาคดีไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยมีหน้าที่สืบพยานก่อนซึ่งจำเลยก็รับรองว่าถูกต้อง ไม่คัดค้าน จนสืบพยานจำเลย 4 ปากแล้วจำเลยจึงยื่นคำร้องว่า ข้อเท็จจริงรับฟังจากขุนนิตินาทฯ นายทะเบียนที่ดิน ประกอบเอกสารตราจองที่ 32 ว่าที่พิพาทเป็นของนายห่อโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ๆ จึงขออ้างตราจองที่ 32 มาประกอบการวินิจฉัย ส่วนพยานอื่นของดสืบต่อไปซึ่งเป็นการงดสืบโดยความสมัครใจของจำเลยเอง การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานในชั้นแรกต้องถือว่าเป็นการสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่จะสืบต่อไป หาใช่สั่งงดสืบพยานจำเลยไม่ เพราะจำเลยของดสืบพยานของตนเองอยู่แล้ว ส่วนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาในครั้งแรก ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปนั้น ก็หมายความว่าให้สืบพยานโจทก์ที่ศาลสั่งงดสืบไว้นั้นต่อไป ส่วนกระบวนพิจารณาที่ดำเนินมาก่อนแล้ว คือการที่จำเลยสืบพยานมาตลอดจนแถลงงดสืบพยานต่อไปนั้น เป็นอันใช้ได้อยู่ มิได้ยกเลิกไปด้วย นอกจากนั้น ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะสืบพยานโจทก์ต่อไปนั้น จำเลยก็หาได้แถลงหรือคัดค้านไม่ว่าจำเลยมีความจำนงค์ จะขอสืบพยานจำเลยต่อไปแต่อย่างใด ครั้นเมื่อศาลสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจึงมาแถลงจะขอสืบพยานต่อไปอีก ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาคดีชอบแล้ว
พิพากษายืน