แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ทั้งอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า การรับฟังพยานหลักฐานของศาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะเป็นอุทธรณ์ข้อกฎหมาย แต่ก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์เห็นว่า โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การรับฟังพยานของศาลเป็นการรับฟังพยานที่ยังไม่จบสิ้น ย่อมเป็นข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญ ไม่ขัดกับมาตรา 225 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 93)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 2,032.50 บาท และค่าชดเชยจำนวน 29,390 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามกฎหมายนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 39)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 41)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์อุทธรณ์สรุปใจความได้ว่าพยานหลักฐานของจำเลยรับฟังไม่ได้ว่า โจทก์ทำร้ายร่างกาย นายชูชีพ วงษ์ทองดีในที่ทำงานเห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่า โจทก์ทำร้ายร่างกาย นายชูชีพ วงษ์ทองดี ในที่ทำงานอันเป็นข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง