แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สาเหตุที่โจทก์พูดว่าจำเลยนั้นเนื่องจากโจทก์ไม่พอใจที่จำเลยไม่จ่ายเงินรางวัล(tip)ให้แก่โจทก์จึงเกิดมีการทะเลาะโต้เถียงกันแล้วโจทก์จึงพูดว่าจำเลยเป็นนายจ้างที่ใช้ไม่ได้พูดจากลับกลอกเดี๋ยวว่าให้เดี๋ยวว่าไม่ให้นั้นเป็นเพียงคำพูดที่ไม่สุภาพไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้าต่อหน้าธารกำนัลถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2536 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างทำหน้าที่พ่อครัวประจำร้านเพ็ญณีคอนเนอร์ต่อมาวันที่ 25 ธันวาคม 2538 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำผิด และไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า กับจำเลยค้างจ่ายค่าจ้างโจทก์ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2538 ขอให้จำเลยจ่ายค่าจ้างค้าง สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ5,560 บาท เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2538 โจทก์ข่มเหงรังแกจำเลยด้วยการโต้เถียงและด่าทอจำเลยอย่างเสียหายหยาบคายในร้านจำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2538 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 16,680 บาทแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่พอใจจำเลยที่ไม่จ่ายเงินรางวัล (tip) ให้แก่โจทก์ ได้หาเหตุทะเลาะกับจำเลย และได้ด่าจำเลยว่าไม่มีความเป็นธรรมพูดจากลับกลอกเชื่อถือไม่ได้ ด่าว่าจำเลยต่อหน้าผู้อื่นและลูกค้าที่มารับประทานอาหารที่ร้านของจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความอับอายต่อหน้าธารกำนัล จำเลยเป็นหญิงอายุ 40 ปีสุขภาพไม่สมบูรณ์ เมื่อถูกด่าจำเลยได้เป็นลมสลบไป และถูกนำตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล การกระทำของโจทก์ถือว่ากระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง พิเคราะห์แล้วศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า สาเหตุที่โจทก์พูดว่าจำเลยนั้นเนื่องจากโจทก์ไม่พอใจที่จำเลยไม่จ่ายเงินรางวัล ให้แก่โจทก์จึงเกิดมีการทะเลาะโต้เถียงกัน แล้วโจทก์จึงพูดว่าจำเลยเป็นนายจ้างที่ใช้ไม่ได้พูดจากลับกลอก เดี๋ยวว่าให้เดี๋ยวว่าไม่ให้นั้นเห็นว่า เป็นเพียงคำพูดที่ไม่สุภาพไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้าต่อหน้าธารกำนัล ถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
พิพากษายืน