คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3704-3705/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้จะรู้หรือไม่รู้กำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าหนีก็จะยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ตามที่มาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติไว้ไม่ได้ และจะมีการไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยหรือไม่ ก็ไม่เป็นเหตุให้เจ้าหนี้มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาตามมาตราดังกล่าว ผู้ร้องฎีกาว่า กำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ไม่ใช่อายุความ เป็นเพียงระยะเวลาย่อม ย่น และขยายได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความเหตุใดที่กำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ไม่เป็นอายุความ แต่เป็นกำหนดระยะเวลา ผู้ร้องไม่ได้ยกเหตุผลขึ้นประกอบข้ออ้าง ฎีกาของผู้ร้องจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลฎีกามีคำสั่งให้รวมพิจารณาและเพื่อสะดวกในการพิพากษาให้เรียกนายสงวน ฐิติธนานุกิจ ผู้ร้องในสำนวนแรกว่าผู้ร้องที่ 1 นายพรเลิศ ฤทธิ์ประคองเชาว์ ผู้ร้องในสำนวนหลังว่าผู้ร้องที่ 2
ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องมีใจความทำนองเดียวกันว่าผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและยังไม่ได้รับชำระหนี้ ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 เพิ่งทราบว่าจำเลยถูกฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย จึงได้ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อขอขยายระยะเวลาการขอรับชำระหนี้และยื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ยกคำร้องและคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ซึ่งผู้ร้องที่ 1 ที่ 2ไม่เห็นด้วยเพราะตามกฎหมายล้มละลายนั้นจะต้องไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยเพื่อให้ลูกหนี้แจ้งว่ามีใครเป็นเจ้าหนี้บ้าง แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบเพื่อเจ้าหนี้จะได้มาขอรับชำระหนี้ ส่วนเรื่องที่ให้มีการประกาศและกำหนดระยะเวลานั้นเป็นกรณีให้มีขั้นตอนการเริ่มต้นและสิ้นสุดเท่านั้น ไม่ใช่ทำให้หมดสิทธิในการขอรับชำระหนี้ไป การเข้ามาช้าเพียงแต่หมดสิทธิในทรัพย์ที่มีการเฉลี่ยไปแล้วเท่านั้น ขอให้ศาลไต่สวนและสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2ไว้ดำเนินการต่อไป
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทั้งสองสำนวนยื่นคำคัดค้านมีใจความอย่างเดียวกันว่า กำหนดระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 91 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับอายุความ จึงไม่อาจขยายได้การอ้างว่าไม่ทราบคำสั่งดังกล่าวเท่ากับเป็นการขยายเวลาขอรับชำระหนี้ออกไปซึ่งบรรดาเจ้าหนี้อื่นและจำเลยย่อมไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ทำได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้แต่งทนายความแก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ฎีกาว่าพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ไม่ได้เขียนบังคับว่าเมื่อพ้นกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้แล้ว ถ้าเจ้าหนี้ไม่รู้ จะห้ามขาดมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลายก็ไม่ได้มีบทบัญญัติรับรองว่าเมื่อล่วงเลยกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว ให้เจ้าหนี้ที่ไม่ทราบถึงกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ได้ ดังนั้นเจ้าหนี้จะรู้หรือไม่รู้กำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็จะยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ตามที่มาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483บัญญัติไว้ไม่ได้
ข้อที่ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ฎีกาอีกว่า คดียังไม่มีการไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผย จึงไม่เป็นเหตุให้เจ้าหนี้หมดสิทธิในการขอรับชำระหนี้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในการขอรับชำระหนี้กฎหมายหาได้บัญญัติไว้ดังที่ผู้ร้องฎีกาไม่ ฉะนั้นจะมีการไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยหรือไม่ ก็ไม่เป็นเหตุให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาที่บัญญัติไว้ในมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
ส่วนที่ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ยกขึ้นฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่ากำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ไม่ใช่อายุความ เป็นเพียงระยะเวลาย่อมย่นและขยายได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเหตุใดที่กำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ไม่เป็นอายุความ แต่เป็นกำหนดระยะเวลาที่ย่นและขยายตามกฎหมายวิธีพิจารณาความได้ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้ยกเหตุผลขึ้นประกอบข้ออ้างของผู้ร้องทั้งสอง ฎีกาของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาคดีมาชอบแล้วฎีกาของผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก้ฎีกาเอง จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.

Share