แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ลูกจ้างกระทำโดยประมาทเลินเล่อและจงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และคำสั่งเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหายไม่สามารถเก็บค่ากระแสไฟฟ้าจากผู้ใช้ไฟฟ้าได้ การที่นายจ้างฟ้องลูกจ้างดังกล่าวในมูลละเมิดว่าลูกจ้างประมาทเลินเล่อหรือจงใจเป็นเหตุให้นายจ้างเสียหายและเป็นการผิดสัญญาจ้างนั้น แม้นายจ้างจะได้ฟ้องผู้ใช้ไฟฟ้าให้ชำระหนี้ค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นฟ้องในมูลหนี้ผิดสัญญาซื้อขายเป็นอีกคดีหนึ่งด้วย แต่นายจ้างยังไม่ได้รับชำระหนี้ดังกล่าว การฟ้องลูกจ้างเช่นว่านั้นมิใช่เป็นการใช้สิทธิเรียกร้องที่ซ้ำซ้อน จึงฟ้องลูกจ้างได้อีก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นลูกจ้างร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ใช้ไฟฟ้าแล้ว จึงไม่อาจเรียกเงินจำนวนเดียวกันจากจำเลยทั้งสามได้อีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามเป็นลูกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2530 ได้เกิดเพลิงไหม้ที่บริเวณโรงกำจัดขยะซอยอ่อนนุช พนักงานของโจทก์ได้ตัดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าที่ชำรุดกลับ 4 เครื่อง ซึ่งรวมทั้งเครื่องที่ พี.เค-34530 ของห้างหุ้นส่วนจำกัดมหาคุณพลาสติกด้วย และวันเดียวกันนั้นพนักงานของโจทก์ได้ต่อกระแสไฟตรงไม่ผ่านเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดมหาคุณพลาสติก ตามคำร้องขอของนายคุณ จึงบรรเจิดศักดิ์ เจ้าของโรงงานของห้างดังกล่าวเพื่อให้ได้ใช้ไฟฟ้า และพนักงานของโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบพร้อมมอบบันทึกเอกสารหมาย จ.4 ซึ่งเสนอให้เปลี่ยนเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าดังกล่าว การที่จำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการเปลี่ยนเครื่องวัด และจำเลยที่ 2 ไม่เขียนใบคำสั่งเปลี่ยนเครื่องวัดหน่วยเสนอหัวหน้าหมวด ทำให้ไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินเก็บค่ากระแสไฟฟ้านาน 18 เดือน และเก็บเงินไม่ได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำโดยประมาททำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และโจทก์สั่งให้จำเลยที่ 3 ถอดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้ากลับรวม 4 ครั้ง เพื่อตัดไฟฟ้าไม่ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าใช้ต่อไปจะเป็นผลให้ไม่มีหนี้ค่าไฟฟ้าค้างชำระเพิ่มมากขึ้น การที่จำเลยที่ 3ทำงานล่าช้าโจทก์ต้องเตือนเป็นครั้งที่ 4 ทำล่าช้าไป 63 วันโจทก์ต้องเสียหายเป็นค่ากระแสไฟฟ้าเป็นเงิน 200,000 บาท เก็บเงินไม่ได้ เป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของโจทก์ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้าง จำเลยทั้งสามกระทำโดยประมาทและจงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และคำสั่ง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องร่วมรับผิดตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องเรียกค่ากระแสไฟฟ้าจากนายคุณกับพวก แต่โจทก์ขอเรียกเพียง 561,909.51 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดตามจำนวนเงินดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 3 โจทก์ขอเรียกเพียง93,066.23 บาท พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 561,909.51 บาท และจำเลยที่ 3 ใช้เงินจำนวน 93,066.23 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 22 กันยายน2533 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ข้อแรกว่า ระหว่างโจทก์กับนายคุณ จึงบรรเจิดศักดิ์ กระทำการซื้อขายกระแสไฟฟ้าโดยไม่ผ่านเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าเป็นเวลา18 เดือน เป็นเงิน 674,291.41 บาท ต่อมาโจทก์ได้นำเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าไปติดตั้ง นายคุณไม่ยอมชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้า 63 วันเป็นเงิน 200,000 บาท หนี้ทั้งสองจำนวนเกิดจากการซื้อขายกระแสไฟฟ้าโจทก์ได้ฟ้องนายคุณและห้างหุ้นส่วนจำกัดมหาคุณพลาสติกต่อศาลแพ่งตามคดีหมายเลขดำที่ 13840/2532 ให้ชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าเป็นเงิน 831,987 บาทแล้ว โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายจากมูลละเมิดอีก จึงเป็นการใช้สิทธิเรียกร้องที่ซ้ำซ้อนไม่ชอบเป็นการแสวงหากำไรโดยไม่สุจริตนั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามในคดีนี้เป็นการฟ้องคดีในมูลละเมิดว่าจำเลยทั้งสามประมาทเลินเล่อหรือจงใจ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายและเป็นการผิดสัญญาจ้าง ส่วนเรื่องที่โจทก์ฟ้องนายคุณกับพวกเป็นเรื่องฟ้องในมูลหนี้ผิดสัญญาซื้อขาย ซึ่งในคดีที่โจทก์ฟ้องนายคุณกับพวกไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้แต่อย่างใดดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้ จึงหาใช่เป็นการใช้สิทธิ เรียกร้องที่ซ้ำซ้อนไม่ชอบและเป็นการแสวงหากำไรโดยไม่สุจริตแต่ประการใดไม่”
พิพากษายืน