แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บรรยายฟ้องมาแต่ว่า จำเลยที่ 1 – 2 – 3 ฝ่ายหนึ่งกับจำเลยที่ 4 – 5 อีกฝ่ายหนึ่งมีอาวุธวิวาททำร้ายกันจนเป็นเหตุให้พวกวิวาททำร้ายกันจนเป็นเหตุให้พวกวิวาทกันบางคนมีบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษตาม ม.256,258 แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยคนใดเป็นผู้ทำร้าย ก็ลงโทษจำเลยคนนั้นตามมาตรา 256 ไม่ได้คงลงโทษได้ตามมาตรา 258 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยที่ ๑-๒-๓ ฝ่ายหนึ่ง  จำเลยที่ ๔-๕ อีกฝ่ายหนึ่งต่างมีมีดไม้เป็นอาวุธวิวาททำร้ายซึ่งกันแลกัน  เป็นเหตุให้จำเลยที่ ๑ มีบาดเจ็บสาหัส  จำเลยที่ ๔-๕   มีบาดเจ็บตามรายงานชัณสูตร์บาดแผลท้ายฟ้อง  ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๘,๒๕๖
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๒๕๘  จำเลยที่ ๒ ตามมาตรา ๒๕๖ จำเลยที่ ๓-๔  ตามมาตรา ๒๕๔  และยกฟ้องจำเลยที่ ๕
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องดังที่โจทก์บรรยายนั้นลงโทษได้แต่ตามมาตรา ๒๕๘  จึงพิพากษาแก้เป็นลงโทษจำเลยทุกคนที่ถูกลงโทษมาแล้ว  แต่ศาลชั้นต้นนั้นตามมาตรา ๒๕๘
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องดังนี้หาได้ระบุมาโดยชัดแจ้งว่าจำเลยคนใดทร้ายผู้ใดไม่ จึงต้องถือว่าที่โจทก์กล่าวบรรยายในฟ้องและนำสืบดังกล่าวนั้นก็โดยโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษตามมาตรา ๒๕๘  ศาลจะยกเอามาตรา ๒๕๔,๒๕๖  ซึ่งมิได้บรรยายความผิดมาในฟ้องมาลงโทษจำเลยไม่ได้  จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

