แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กู้เงินเพียง 30,000 บาท โดยผู้กู้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้ซึ่งยังไม่ได้กรอกข้อความ แล้วโจทก์มากรอกข้อความเป็นว่ากู้จำนวน90,000 บาท ในภายหลังโดยผู้กู้มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้จึงเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมมาฟ้องบังคับคดี จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดีไว้ว่าสัญญากู้เป็นเอกสารปลอมจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 วรรคสอง ส่วนการนำสืบว่ารับเงินจากโจทก์จำนวน 28,200 บาทเป็นการอ้างเหตุผลประกอบว่าสัญญากู้ที่มีข้อความว่ากู้ 90,000 บาทเป็นเอกสารปลอมไม่ใช่เรื่องนำสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายด้วงได้กู้ยืมเงินและรับเงินไปจากโจทก์จำนวน 90,000 บาท โดยยอมให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีถึงกำหนดแล้วไม่ชำระ ต่อมานายด้วงถึงแก่ความตาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งเจ็ดในฐานะทายาทของนายด้วงชำระเงินจำนวน 90,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า นายด้วงไม่เคยกู้ยืมเงินจำนวน 90,000บาท จากโจทก์และไม่เคยทำสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 90,000 บาท ให้โจทก์ไว้แต่อย่างใด สัญญากู้ยืมเงินในช่องผู้กู้ไม่ใช่ลายมือชื่อของนายด้วง สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาปลอม นายด้วงเคยกู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 30,000 บาท และโจทก์ให้นายด้วงลงชื่อไว้ในสัญญากู้ยืมเงินโดยยังมิได้กรอกข้อความใด ๆ โจทก์กรอกจำนวนเงินเอง โดยนายด้วงมิรู้เห็นยินยอมด้วย และนายด้วงได้ชำระเงินจำนวน 30,000 บาทให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเกิน 1 ปี จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 และที่ 6 ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานโจทก์ เชื่อว่านายด้วงกู้เงินโจทก์เพียง 30,000 บาท โดยนายด้วงลงลายมือชื่อในสัญญากู้ จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญาเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งยังไม่ได้กรอกข้อความ แล้วฝ่ายโจทก์มากรอกข้อความเป็นว่ากู้จำนวน 90,000 บาท ในภายหลังโดยนายด้วงและจำเลยที่ 1 มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 จึงเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมมาฟ้องจำเลยทั้งเจ็ดให้รับผิดในฐานะผู้รับมรดกของนายด้วงได้
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า สัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ระบุจำนวนเงินที่นายด้วงรับไปจำนวน 90,000 บาท จำเลยจะนำสืบว่ารับเงินเพียง20,000 บาท เศษไม่ได้ เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94นั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดีไว้ว่าสัญญากู้เอกสารหมายจ.1 เป็นเอกสารปลอม จึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคสอง ส่วนการนำสืบว่า รับเงินจากโจทก์จำนวน 28,200 บาท เป็นการอ้างเหตุผลประกอบว่าสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ที่มีข้อความว่านายด้วงกู้ 90,000 บาทเป็นเอกสารปลอม ไม่ใช่เรื่องนำสืบเปลี่ยนแปลงข้อความในเอกสาร
พิพากษายืน