คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นแม้จะได้ยึดทรัพย์อื่นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แล้ว แต่ถ้าเจ้าหนี้นั้นแสดงได้ว่าทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ของตนได้สิ้นเชิง และลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นพอชำระหนี้ ก็ย่อมร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 897/2510)
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยวันใด กำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 158 เมื่อครบกำหนดสิบสี่วันในวันหยุดราชการผู้ร้องย่อมยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในวันรุ่งขึ้นซึ่งศาลเริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตาม มาตรา 158 ตอนท้าย เพราะเมื่อขายทอดตลาดแล้ว การขายก็เป็นอันเสร็จสิ้นไป ไม่มีลักษณะหรือสภาพเป็นงานที่ต้องทำต่อ ๆ ไปอีก อันจะเป็นเหตุให้ถือว่าได้เริ่มการตั้งแต่วันขายทอดตลาดเป็นต้นไป(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1809/2511)

ย่อยาว

โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา นำยึดทรัพย์จำเลยเพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และได้ยึดทรัพย์จำเลยไว้แต่ยังไม่ได้ขายทอดตลาดหากขายก็ไม่พอชำระหนี้จนครบ และจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นอีก
โจทก์คัดค้าน
ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า หนี้ผู้ร้องไม่ใช่หนี้อันเกิดจากการสมยอม
ปัญหาที่ว่าผู้ร้องได้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้แล้ว จะร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้หรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะได้ยึดทรัพย์ของจำเลยไว้แล้ว แต่ถ้าเจ้าหนี้แสดงได้ว่าทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้สิ้นเชิง และจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นพอชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็ย่อมร้องขอเฉลี่ยได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๐ วรรค ๒ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๙๗/๒๕๑๐ คดีนี้จะฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของผู้ร้องว่า ทรัพย์ของจำเลยที่ผู้ร้องยึดไว้มีราคาเพียง ๔,๐๐๐ บาท หรือ ๑๐,๐๐๐ บาท ตามที่โจทก์นำสืบ ก็ไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาจำนวน ๓๓,๘๗๕ บาท ให้ผู้ร้องสิ้นเชิงได้ และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์อื่นอีก ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยในคดีนี้
ปัญหาต่อไปมีว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๐ วรรค ๓ หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๑๔ จึงต้องเริ่มนับหนึ่งในวันรุ่งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๘และครบกำหนดสิบสี่วันในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๑๔ ซึ่งศาลเริ่มทำงานใหม่ได้ตามมาตรา ๑๖๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๘ ตอนท้ายดังโจทก์ฎีกา เพราะเมื่อขายทอดตลาดแล้ว การขายก็เป็นอันเสร็จสิ้นไปไม่มีลักษณะหรือสภาพเป็นงานที่ต้องทำต่อ ๆ ไปอีก อันจะเป็นเหตุให้ถือว่าได้เริ่มการตั้งแต่วันขายทอดตลาดเป็นต้นไป เทียบตามแบบอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๐๙/๒๕๑๑
พิพากษายืน

Share