คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกประมาณ 30 คนติดตามผู้ตายมาโดยเข้าใจว่า ผู้ตายเป็นพวกรถสองแถวที่ไปมีเรื่องกับจำเลยและพวก จึงเข้าตะลุมบอนทำร้ายผู้ตายด้วยอาวุธเท่าที่จะหาได้ในปัจจุบันทันด่วน ซึ่งมีแต่ไม้และขวดน้ำอัดลม คงมีท่อนเหล็กเฉพาะจำเลยที่ 2 คนเดียว การทำร้ายผู้ตายก็เป็นไปในลักษณะชุลมุนเพราะคนมากด้วยกัน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร โดยจำเลยกับพวกไม่มีโอกาส ที่จะเลือกตีผู้ตายตรงอวัยวะที่สำคัญ หากแต่เผอิญไปถูกผู้ตายที่ศีรษะถึงกะโหลกศีรษะแตก มันสมองช้ำบวม โลหิตตกใน ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีอีก 20 กว่าคน ร่วมกันใช้ท่อนเหล็ก ไม้ตะบอง และขวด เป็นอาวุธ กลุ้มรุมตีทำร้ายนายวิทยาโดยมีเจตนาฆ่า ด้วยความทารุณโหดร้าย นายวิทยาถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลที่ถูกทำร้าย เจ้าพนักงานยึดได้ไม้ตะบอง 2 ท่อน เศษแก้ว 1 ชิ้น เหล็กกลม 1 ท่อน ที่ใช้ในการกระทำความผิดในที่เกิดเหตุเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยทุกคนตามมาตรา 288, 289, 83 กับขอให้ริบของกลางและเพิ่มโทษจำเลยที่ 3

จำเลยทั้งสี่คนให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเชื่อว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมทำร้ายผู้ตายและย่อมเห็นผลได้ว่าผู้ถูกทำร้ายจะต้องถึงตาย เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่ไม่ถึงทารุณโหดร้ายพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288, 83 จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 คนละ 20 ปี จำเลยที่ 2 อายุ 15 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน

จำเลยทั้งสี่คนอุทธรณ์ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 3 ที่ 4 ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาต ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ทำร้ายผู้ตายจริง แต่ไม่มีเจตนาฆ่า จำเลยมีความผิดฐานทำให้ผู้อื่นตายโดยไม่เจตนา และเป็นเหตุในลักษณะคดี ย่อมมีผลถึงจำเลยที่ 3 ที่ 4 ด้วย พิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามมาตรา 290, 83 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 คนละ 10 ปี จำเลยที่ 2 ลดมาตราส่วนโทษกึ่งแล้วคงจำคุก 7 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 3 หนึ่งในสาม เป็นจำคุก 13 ปี 4 เดือน คำเบิกความของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 หกปีแปดเดือน จำเลยที่ 2 สี่ปีแปดเดือน นอกจากที่แก้ ยืน

โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกระทำความผิดด้วย แล้ววินิจฉัยต่อไปว่า กรณีที่เกิดทำร้ายกันนี้ สืบเนื่องมาจากการที่พวกรถสองแถวไปมีเรื่องกับจำเลยกับพวกรถเมล์ขาวที่ในเมืองอุดรธานีจำเลยกับพวกจึงยกพวกติดตามมาและพากันเข้าตะลุมบอนทำร้ายผู้ตายโดยเข้าใจว่าเป็นพวกรถสองแถวที่ไปก่อเรื่องไว้ทำนองเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่และเจ็บร้อนแทนพวกรถเมล์ขาวด้วยกัน เจตนาอันแท้จริงของจำเลยกับพวก จึงเห็นได้ว่าเพื่อทำร้ายเท่านั้น หามีเจตนาถึงกับจะฆ่าให้ตายไม่ อาวุธที่ใช้ทำร้ายก็คงจะจัดหามาเท่าที่จะหาได้ในปัจจุบันทันด่วน จึงปรากฏว่ามีแต่ไม้และขวดน้ำอัดลม คงมีท่อนเหล็กเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 คนเดียว การทำร้ายผู้ตายก็เป็นไปในลักษณะชุลมุน เพราะคนมากด้วยกัน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เชื่อได้ว่าจำเลยกับพวกไม่มีโอกาสหรือไม่มีเจตนาจะเลือกตีผู้ตายตรงอวัยวะที่สำคัญหากแต่เผอิญไปถูกผู้ตายที่ศีรษะถึงกะโหลกศีรษะแตก มันสมองช้ำบวม โลหิตตกใน ผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเท่านั้น และสำหรับจำเลยที่ 2 นั้น ลดมาตราส่วนโทษแล้ว ควรวางโทษจำคุก 5 ปี ลดตามมาตรา 78 อีกหนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ ยืน

Share