คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่า โจทก์ได้ยักยอกปูนซีเมนต์ของจำเลยที่ 1 แต่มิได้บรรยายฟ้องว่าความจริงเกี่ยวกับปูนซีเมนต์นั้นเป็นอย่างไร แม้จะกล่าวอ้างในตอนท้ายว่า โจทก์ได้ไปพบพนักงานสอบสวนแก้ข้อกล่าวหาและแสดงพยานหลักฐานว่าโจทก์มิได้ยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ก็เป็นเรื่องการแก้ข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน มิใช่เป็นการบรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องของโจทก์ย่อมขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่จะแสดงให้เห็นว่าการแจ้งความของจำเลยเป็นการแจ้งความเท็จ จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๓ แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษโจทก์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ด้วยประการที่จะทำให้โจทก์ต้องรับโทษทางอาญา ว่าโจทก์ได้ยักยอกปูนซีเมนต์เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนเรียกโจทก์ไปพบ ซึ่งโจทก์ได้ไปพบพนักงานสอบสวนพร้อมทั้งแก้ข้อกล่าวหาและแสดงพยานหลักฐานว่าโจทก์มิได้ยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่ ๑ ตามข้อกล่าวหาของจำเลยทั้งสาม เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๑๗๒, ๑๗๔, ๑๘๑(๑)
ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นสั่งงดการไต่สวนมูลฟ้อง แล้ววินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕) ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษโจทก์ต่อพนักงานสอบสวนด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่า โจทก์ได้ยักยอกปูนซีเมนต์จำนวน ๒๐๐ เมตริกตัน เป็นเงิน ๔๓๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจำเลยที่ ๑ มอบให้โจทก์จัดส่งให้แก่รัฐบาลลาวไปขายให้แก่ผู้มีชื่อแล้วไม่นำเงินมาชำระให้จำเลยที่ ๑ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า ความจริงเกี่ยวกับปูนซีเมนต์นั้นเป็นอย่างไร แม้จะกล่าวอ้างในตอนท้ายว่าโจทก์ได้ไปพบพนักงานสอบสวนแก้ข้อกล่าวหาและแสดงพยานหลักฐานว่าโจทก์มิได้ยักยอกทรัพย์ของจำเลยที่ ๑ ก็เป็นเรื่องของการแก้ข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน หาใช่เป็นการบรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำตามที่โจทก์ฟ้องแต่อย่างใดไม่ การที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีว่าข้อความใดเป็นเท็จ จะต้องรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไร ย่อมขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่จะแสดงให้เห็นว่าการแจ้งความของจำเลยเป็นการแจ้งความเท็จ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕) ฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
พิพากษายืน

Share