คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1684/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ลูกจ้างจะฟ้องว่านายจ้างลงโทษทางวินัยลูกจ้างไม่ชอบด้วยข้อบังคับของนายจ้างเพียงกรณีเดียว แต่เมื่อระเบียบการพิจารณาระดับการลงโทษของนายจ้างเป็นส่วนหนึ่งของข้อบังคับดังกล่าว ดังนั้น การที่ศาลแรงงานฯ วินิจฉัยว่านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างไม่ชอบด้วยระเบียบดังกล่าว จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินไปจากที่ฟ้อง ลูกจ้างเล่นการพนันนอกสถานที่ทำการและนอกเวลาปฏิบัติงาน ซึ่งตามระเบียบพิจารณาระดับการลงโทษของนายจ้างให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยตามข้อบังคับโดยกำหนดระดับโทษเพียงลดขั้นเงินเดือน มิได้ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกปลดออก ดังนั้น การที่นายจ้างไล่ลูกจ้างออกจากงานเพราะเหตุดังกล่าวจึงเป็นการลงโทษเกินระดับ เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสามเป็นลูกจ้างประจำ จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโดยอ้างว่าโจทก์ทั้งสามเล่นการพนันในบริเวณที่ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ความจริงโจทก์ทั้งสามเล่นการพนันนอกเวลาทำงานและนอกบริเวณที่ทำงานซึ่งมิใช่ความผิดร้ายแรงตามข้อบังคับองค์การโจทก์ เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ขอบังคับให้จำเลยรับโจทก์ทั้งสามกลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และสภาพการจ้างเดิม ให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสามเป็นรายเดือนเท่ากับอัตราค่าจ้างที่โจทก์ได้รับในเดือนสุดท้ายก่อนเลิกจ้างเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรับโจทก์ทั้งสามกลับเข้าทำงานตามเดิม

จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสามถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาเล่นการพนันบริเวณที่ปล่อยรถอันเป็นสถานที่ที่ออกรถเพื่อรอคิวที่ออกแล่นรับผู้โดยสาร ศาลพิพากษาลงโทษปรับคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสอบสวนโจทก์ทั้งสามแล้ว มีความเห็นว่า โจทก์ทั้งสามได้กระทำผิดวินัยตามข้อบังคับองค์การโจทก์ ประกอบด้วยหลักเกณฑ์การลงโทษทางวินัยและพนักงานเล่นการพนัน จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งสาม ไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า สถานที่เล่นการพนันมิใช่สถานที่ทำการของจำเลย การกระทำของโจทก์จึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในหนังสือเรื่องระดับโทษทางวินัยซึ่งมีโทษเพียงลดขั้นเงินเดือนเท่านั้น จำเลยลงโทษไล่โจทก์ออกจากงานเป็นการลงโทษที่เกินระดับโทษที่กำหนดไว้ เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 49 พิพากษาให้จำเลยรับโจทก์ทั้งสามกลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และสภาพการจ้างเดิม และให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสามเป็นรายเดือนเท่ากับอัตราค่าจ้างที่โจทก์ได้รับในเดือนสุดท้ายก่อนเลิกจ้างจนกว่าจำเลยจะรับโจทก์ทั้งสามกลับเข้าทำงานตามเดิม

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า หนังสือเกี่ยวกับการพิจารณาระดับการลงโทษทางวินัยและพนักงานลูกจ้างเล่นการพนัน เป็นระเบียบที่จำเลยได้กำหนดเกี่ยวกับรายละเอียดของความผิดทางวินัยกรณีที่พนักงานลูกจ้างจำเลยกระทำผิดฐานเล่นการพนันในสถานที่ทำการหรือนอกสถานที่ทำการ ในเวลาทำงานหรือนอกเวลาทำงานว่าจะต้องถูกลงโทษตามข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ฉบับที่ 46) ว่าด้วยวินัยการสอบสวนการลงโทษและการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงาน พ.ศ. 2524 ในระดับความผิดใด ระเบียบการพิจารณาระดับการลงโทษทางวินัยและพนักงานลูกจ้างเล่นการพนันจึงเป็นส่วนหนึ่งของข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพดังกล่าวนั่นเองการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่ชอบด้วยระเบียบการพิจารณาระดับการลงโทษฯ อันเป็นส่วนหนึ่งของข้อบังคับจำเลย จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินไปจากที่ฟ้อง

โจทก์ทั้งสามเล่นการพนันนอกสถานที่ทำการของจำเลยและนอกเวลาปฏิบัติงาน ซึ่งตามระเบียบการพิจารณาระดับการลงโทษทางวินัยฯ ข้อ 2.1 ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยตามข้อบังคับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ฉบับที่ 46) ว่าด้วยวินัยการสอบสวนและการลงโทษฯ พ.ศ. 2524 ข้อ 4.5และ 1.13 โดยกำหนดระดับโทษเพียงลดขั้นเงินเดือน มิได้ถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกหรือปลดออกแต่อย่างใด ดังนั้น การที่จำเลยไล่โจทก์ทั้งสามออกจากงานเพราะเหตุดังกล่าว เป็นการลงโทษเกินระดับโทษที่กำหนดไว้ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย การที่จำเลยให้โจทก์ทั้งสามออกจากงานจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ทั้งสาม ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 49

พิพากษายืน

Share