คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยถือปืนเล่นฟ้อนรำแล้วปืนลั่น ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านแย่งปืนไปว่ากล่าวสั่งสอนแล้วคืนปืนให้ต่อมาผู้ตายถูกยิง จำเลยเข้ามอบตัวมอบปืน คำให้การชั้นสอบสวนซึ่งกระทำในวันเกิดเหตุมีรายละเอียดเกี่ยวกับความเคืองแค้นที่จำเลยมีต่อผู้ตายมาก่อน เชื่อว่าให้การโดยสมัครใจ และการชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพไม่มีเหตุที่จะสงสัยว่ากระทำโดยถูกบังคับ ฉะนั้นแม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน และจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นศาล คดีก็ฟังลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตราา 288 จำคุก 15 ปี ตามมาตรา 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ให้ลงโทษตามมาตรา 72 ทวิ อันเป็นบทหนักจำคุก 3 เดือน ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี 2 เดือน ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับกันว่า ก่อนหน้าเกิดเหตุจำเลยถือปืนลูกซองยาวเข้าเล่นฟ้อนรำแล้วปืนลั่นขึ้น 1 นัด ผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้แย่งปืนจากจำเลยเอาปลอกกระสุนปืนออกแล้วคืนปืนให้ไปต่อมาเวลา 19 นาฬิกาผู้ตายถูกคนร้ายยิงในที่เดิมนั่นเอง จากนั้นจำเลยไปมอบตัว มอบปืนแก่จ่าสิบตำรวจจำเนียร รักษาทรัพย์ หัวหน้าชุดคุ้มครองบ้านโคกไพรบอกว่าได้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยลงชื่อในบันทึกการจับกุมซึ่งจำเลยแจ้งว่าจำเลยได้ใช้อาวุธปืนนี้ยิงนายเพื่อม กลิ่นผกา ผู้ใหญ่บ้านถึงแก่ความตายที่บริเวณบ้านนายเรือน ชินแก้ว ชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ

พิเคราะห์แล้ว คดีนี้แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุไม่นานนั้นนางยอน ชินแก้ว พยานโจทก์ได้เห็นผู้ตายแย่งปืนจากจำเลยหลังจากจำเลยทำปืนลั่นและว่ากล่าวสั่งสอนอยู่ครู่หนึ่งจึงคืนปืนให้ จำเลยคงโกรธเคือง ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่ายิงผู้ตายเพราะขณะเดินมาบ้านเกิดเหตุผู้ตายหาว่าจำเลยเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ พอจำเลยทำปืนลั่นผู้ตายมาแย่งปืนไปเคาะดินหักลำกล้องเอาปลอกกระสุนไป จำเลยบันดาลโทสะจึงกลับไประงับโทสะด้วยการเอาปืนฟาดต้นเสาจนพานท้ายปืนแตกหลุดก็ยิ่งโกรธผู้ตาย จึงย้อนกลับไปยิงผู้ตาย คำให้การในชั้นสอบสวนซึ่งได้กระทำในวันเกิดเหตุมีรายละเอียดเกี่ยวกับความเคืองแค้นที่จำเลยมีต่อผู้ตายมาก่อนเชื่อว่าจำเลยให้การโดยสมัครใจ และการชี้ที่เกิดเหตุของจำเลยประกอบคำรับสารภาพไม่มีเหตุที่จะสงสัยว่าจำเลยกระทำโดยถูกบังคับขู่เข็ญ พิเคราะห์บาดแผลตามรายงานชันสูตรพลิกศพปรากฏว่ามีบาดแผลที่แขนซ้ายท่อนบนแห่งเดียวถึง 9 รู และมีแผลรอยกลม ๆ ซึ่งแพทย์สันนิษฐานว่าถูกหน้าอุดปืนลูกซอง และพนักงานสอบสวนได้พบหน้าอุดปืนลูกซองตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเมื่อปรากฏว่าจำเลยนี้พกปืนลูกซองอยู่ในช่วงเวลานั้น และเกิดการยิงแล้วจำเลยไปมอบตัว มอบปืนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันทีก่อนที่ญาติผู้ตายไปแจ้งความ จำเลยคงไม่มีเวลาคิดบิดเบือน พฤติการณ์เหล่านี้ประกอบกันเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายโดยปราศจากสงสัยข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่ามีผู้บังคับให้มอบตัวต่อเจ้าพนักงานและรับสารภาพไม่มีเหตุผลหักล้างพยานโจทก์ได้”

พิพากษายืน

Share