แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวหาว่าโจทก์ฉ้อโกง อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 348 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้แล้วโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจะใช้หนี้ให้แก่ผู้กล่าวหาร้องทุกข์ แต่แล้วโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น เมื่อผู้กล่าวหาร้องทุกข์ยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์และยืนยันให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไป ทำให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเข้าใจว่าผู้กล่าวหาร้องทุกข์ยังมีสิทธิขอให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไปได้ จึงดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อมาเช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และจำเลยที่ ๑เป็นพนักงานสอบสวน ได้กระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทง คือจำเลยที่ ๑ ใช้ตำแหน่งหน้าที่ปฏิบัติราชการโดยมิชอบและเจตนาทุจริตสมคบกับนางปีเซาะ ปานนพภา ผู้กล่าวหา รับแจ้งความร้องทุกข์อันเป็นเท็จว่า โจทก์ฉ้อโกงผู้กล่าวหาเป็นจำนวนเงิน ๔,๐๗๐ บาทแล้ววันเดียวกันจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ จับกุมและควบคุมโจทก์อันเป็นการไม่ชอบ แล้วจำเลยที่ ๑ ได้ใช้วาจาขู่เข็ญบังคับขืนใจให้โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความชำระหนี้เงิน ๔,๐๗๐ บาท หากโจทก์ปฏิเสธ จะไม่อนุญาตให้ประกัน โจทก์จำต้องยอมทำตาม แต่จำเลยที่ ๑ โดยทุจริต ยังไม่ยอมเลิกคดี ได้ร่วมกับนางปีเซาะบังคับขู่เข็ญให้โจทก์ต้องนำเงินมาชำระก่อน โจทก์เห็นว่าหนี้ดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมายจึงไม่ชำระ พนักงานสอบสวนจึงส่งสำนวนให้พนักงานอัยการฟ้องโจทก์ แต่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๘๔, ๑๔๘,๑๕๗, ๑๖๑, ๑๖๒, ๒๐๐, ๓๐๙, ๓๑๐ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔, ๑๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้องคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ ๑ ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ข้อ ๒(ก) เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙ ส่วนฎีกาข้อ ๒(ข) ที่โจทก์ฎีกาว่านางปีเซาะผู้กล่าวหาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ในข้อหาฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความใช้หนี้ให้นางปีเซาะแล้ว แม้นางปีเซาะจะยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์คดีก็ต้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๒) การที่จำเลยที่ ๑ ยังคงดำเนินคดีต่อมาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ได้พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจะใช้หนี้ให้นางปีเซาะผู้กล่าวหาตามเอกสารหมาย ล.๑ นางปีเซาะยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย ล.๑นางปีเซาะยืนยันให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไป จำเลยที่ ๑ จึงดำเนินคดีแก่โจทก์ตามกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ความผิดฐานฉ้อโกงที่นางปีเซาะกล่าวหาโจทก์เป็นความผิดอันยอมความกันได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๘ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย ล.๑ ทำให้จำเลยที่ ๑ และนางปีเซาะเข้าใจว่าโจทก์เลิกสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย ล.๑ นั้นเสียแล้วเมื่อนางปีเซาะยังมิได้ถอนคำร้องทุกข์ และยืนยันให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไป ทำให้จำเลยที่ ๑ เข้าใจว่านางปีเซาะยังมีสิทธิขอให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไปได้ จำเลยที่ ๑ จึงดำเนินคดีแก่โจทก์ต่อไปตามกฎหมายการกระทำของจำเลยที่ ๑ เช่นนี้ ยังไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์