แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บันทึกข้อตกลงที่ผู้เช่าโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า ไม่มีผลให้สิทธิการเช่าของผู้เช่าโอนไปยังโจทก์
สัญญาเช่าตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ให้เช่ายินยอมให้เช่าช่วงได้แต่ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้เช่าก่อนถ้าผู้เช่าให้โจทก์เช่าช่วงโดยผู้ให้เช่าไม่ได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาเช่าระหว่างผู้เช่ากับโจทก์ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้เช่า ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจให้จำเลยเช่าช่วงต่อและไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากตึกแถวที่เช่า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า นายเค่งเซี้ยงทำหนังสือสัญญารับเป็นผู้ก่อสร้างตึกแถวสามชั้นในที่ดินของนางอบเชย สุวรรณกร แล้วยกกรรมสิทธิ์ตึกแถวที่ก่อสร้างให้นางอบเชย แต่นายเค่งเซี้ยงมีสิทธิเช่าตึกแถวชั้นที่สามและห้องบันไดขึ้นลงและให้เช่าช่วงได้ ต่อมานายเค่งเซี้ยงทำบันทึกโอนสิทธิการเช่าตึกแถวชั้นที่สามให้โจทก์ และนายเค่งเซี้ยงได้ทำหนังสือสัญญาเช่าตึกแถวชั้นที่สามจากนางอบเชย และมีสิทธิให้เช่าช่วงได้ ต่อมาจำเลยทำหนังสือสัญญาเช่าตึกแถวชั้นที่สามจากโจทก์ แล้วจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า ขอให้พิพากษาบังคับขับไล่จำเลยกับบริวารให้ออกไปจากตึกแถวชั้นที่สามที่พิพาท กับให้ชำระค่าเช่าที่ค้างหรือใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าตึกแถวจากนายเค่งเซี้ยง แต่โจทก์หลอกลวงจำเลยว่านายเค่งเซี้ยงไม่มีอำนาจทำสัญญาให้จำเลยเช่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิให้เช่า จำเลยจึงทำสัญญาเช่าตึกแถวกับโจทก์ต่อมานางอบเชยแจ้งให้จำเลยทราบว่านางอบเชยมีกรรมสิทธิ์ในตึกแถวและมีสิทธิให้เช่า จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ แล้วทำหนังสือสัญญาเช่าตึกแถวกับนางอบเชยและตัดฟ้องว่า โจทก์รับโอนสิทธิการเช่าจากนายเค่งเซี้ยงไม่ได้รับความยินยอมจากนางอบเชยเป็นลายลักษณ์อักษร สัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับโจทก์เป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเอาตึกแถวชั้นที่สามที่พิพาทไปให้จำเลยเช่า โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า มีปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิให้จำเลยเช่าตึกแถวชั้นที่สามที่พิพาทหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นางอบเชยไม่ได้ยอมให้นายเค่งเซี้ยงโอนสิทธิการเช่าได้ บันทึกข้อตกลงการโอนสิทธิการเช่าระหว่างนายเค่งเซี้ยงและโจทก์จึงไม่มีผลให้สิทธิการเช่าของนายเค่งเซี้ยงโอนไปยังโจทก์ ส่วนข้อสัญญาในเอกสารหมาย จ.1 ที่ว่านายเค่งเซี้ยงมีสิทธิเช่าตึกแถวชั้นที่สาม และมีสิทธิให้เช่าช่วงได้นั้น เห็นว่าหนังสือสัญญาเช่าตึกแถวที่พิพาทระหว่างนางอบเชยกับนายเค่งเซี้ยงตามเอกสารหมาย จ.4 มีข้อความว่า นายเค่งเซี้ยงให้เช่าช่วงได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากนางอบเชย แต่คดีได้ความว่านางอบเชยไม่ได้ให้ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรในการที่นายเค่งเซี้ยงทำหนังสือสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงตึกแถวที่พิพาท หนังสือสัญญาฉบับนี้จึงไม่มีผลผูกพันนางอบเชยให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่าระหว่างนายเค่งเซี้ยงกับนางอบเชย นายเค่งเซี้ยงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจใด ๆ ที่จะให้เช่าช่วงได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิและไม่มีอำนาจทำหนังสือสัญญาเช่ากับจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
พิพากษายืน