คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง ได้ให้ ส. เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวไป ต่อมาจำเลยขอยืมรถยนต์จากส.ไปใช้ในการกระทำผิด ผู้ร้องทราบจาก ส. และจำเลยว่าจำเลยนำรถยนต์ไปใช้ในการกระทำผิดแต่กลับตกลงให้จำเลย และ ส. ชำระค่าเช่าซื้อต่อมาโดยมิได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ แสดงว่าผู้ร้องมีเจตนาเพียงที่จะได้รับค่าเช่าซื้อตามสัญญาเท่านั้น เมื่อผู้ร้องมาร้องขอรถยนต์ของกลางคืนจึงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่ผู้เช่าซื้อและจำเลยที่จะได้รับรถยนต์ของกลางกลับไปในภายหลัง ตามพฤติการณ์ถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดด้วย จึงไม่มีสิทธิขอของกลางคืน(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองดดยมิได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74, 84 ทวิ ให้ปรับ 200 บาท ริบไม้และรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-0778 กระบี่ 85 ของกลาง
ผู้ร้องร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลาง ได้ให้นายสมควร รองรัตน์ เช่าซื้อไป การที่จำเลยนำรถยนต์ของกลาวไปใช้ในการกระทำความผิดผู้ร้องมิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย ขอให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งใหยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง เป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง แล้ววินิจฉัยว่า “…เห็นว่าเมื่อผู้ร้องทราบจากนายสมมาศและจำเลยว่าจำเลยนำรถยนต์ของกลางไปใช้กระทำผิดและตรวจยึดไปเป็นของกลางแล้ว ผู้ร้องหาใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาเช่าซื้อไม่ แต่ผู้ร้องกับจำเลยกลับตกลงกันยอมให้จำเลยชำระค่าเช่าซื้อต่อไปจนครบและต่อมานายสมมาศเป็นผู้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อแทนจำเลย รวม 7 งวดเป็นเงิน 38,600 บาทแล้วคงค้างชำระอีกเพียง 35,200 บาท พฤติการณ์ของผู้ร้องดังกล่าวผู้ร้องเจตนาที่จะได้รับชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาเท่านั้นการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องจึงเห็นได้ว่าเพื่อประโยชน์แก่ผู้เช่าซื้อและจำเลยผู้กระทำผิดในการที่จะได้รับรถยนต์ของกลางไปจากผู้ร้องในภายหลัง เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยกระทำความผิดด้วยผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางวแก่ผู้ร้อง”
พิพากษายืน

Share