คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความในวันนัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน แต่เมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้อนุญาตให้ถอนตัวและให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในนัดต่อมา โดยทนายโจทก์ลงชื่อทราบคำสั่งและวันนัดสืบพยานโจทก์ในรายงานกระบวนพิจารณา ต้องถือว่าโจทก์ทราบวันนัดสืบพยานโดยชอบแล้ว การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเช่นนี้ จึงเป็นความผิดของโจทก์และถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ส่วนการที่ทนายจำเลยแถลงขอให้ศาลพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควร ก็มิใช่คำแถลงที่มีความหมายในทางที่จำเลยประสงค์หรือตั้งใจจะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 201 เดิม ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะจำหน่ายคดีจากสารบบความได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี และขอบังคับจำนอง จำเลยให้การต่อสู้คดีศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณานัดสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนและมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดี 3 นัด โดยเห็นว่า คู่ความอาจตกลงกันได้ เมื่อถึงวันนัดที่สี่ ทนายโจทก์และทนายจำเลยมาศาลทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนตัวออกจากการเป็นทนายโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต เนื่องจากโจทก์ยังไม่ทราบการขอถอนตัวของทนายโจทก์และมีคำสั่งให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์หรือนัดทำยอมในนัดหน้ากับได้กำชับทนายโจทก์ให้แจ้งการถอนตัวแก่โจทก์และให้โจทก์แต่งตั้งทนายความคนใหม่เข้ามาว่าคดีด้วย ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์นัดต่อมาทนายจำเลยมาศาล ส่วนโจทก์และทนายโจทก์ไม่มา ทนายจำเลยแถลงขอให้ศาลพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควร ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องจึงมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ

โจทก์ยื่นคำร้องว่า คำแถลงของทนายจำเลยที่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควรประกอบกับคำให้การของจำเลยที่ขอให้ยกฟ้องโจทก์เท่ากับจำเลยมีความประสงค์จะให้ศาลดำเนินการพิจารณาต่อไป ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาชี้ขาดตัดสินไปฝ่ายเดียวการที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีจึงไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่สั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีกับให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อไป

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนาย ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไป ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์นัดต่อมา โจทก์ยังมิได้แต่งทนายความคนใหม่เข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณา ซึ่งมิใช่ความผิดของโจทก์ การที่ทนายจำเลยแถลงขอให้ศาลพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควรศาลชั้นต้นชอบที่จะให้เลื่อนคดีไปและหมายเรียกโจทก์มาสอบถามเรื่องการถอนทนายความเสียก่อนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 ซึ่งใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องบัญญัติว่า “ถ้าได้ส่งหมายกำหนดวันนัดสืบพยานให้โจทก์ทราบโดยชอบแล้วโจทก์ขาดนัดพิจารณาให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความเว้นแต่จำเลยจะได้แจ้งต่อศาลในวันหรือก่อนวันสืบพยานว่า ตนตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป…” ดังนั้นแม้ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายความในวันนัดสืบพยานโจทก์ ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนแต่เมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้อนุญาตให้ทนายโจทก์ถอนตัวและให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานโจทก์ในนัดต่อมา โดยทนายโจทก์ลงชื่อทราบคำสั่งและวันนัดสืบพยานโจทก์ในรายงานกระบวนพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นแล้วต้องถือว่าโจทก์ทราบวันนัดสืบพยานดังกล่าวโดยชอบแล้ว การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานและมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเช่นนี้ จึงเป็นความผิดของโจทก์และถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นชอบที่จะจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ ส่วนการที่ทนายจำเลยแถลงขอให้ศาลพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควร ก็มิใช่คำแถลงที่มีความหมายในทางที่จำเลยประสงค์หรือตั้งใจจะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share