คำวินิจฉัยที่ 19/2550

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

ไม่มีย่อสั้น

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๑๙/๒๕๕๐

วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๐

เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)

ศาลปกครองกลาง
ระหว่าง
ศาลจังหวัดมีนบุรี

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองกลางโดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาล ในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ นางวินงคราญ เรือนคำ ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้องกรมบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๘๖๐/๒๕๔๘ ความว่า เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๗ ผู้ฟ้องคดีได้ประมูลซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาด ตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีพื้นที่เขตมีนบุรี สังกัดผู้ถูกฟ้องคดี ในคดีแพ่งศาลจังหวัดมีนบุรี หมายเลขแดงที่ ๒๙๑/๒๕๔๒ ระหว่างธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โจทก์ บริษัทแอสต้าอิเล็คทริคอล จำกัด ที่ ๑ นายธนะนันท์ แซ่ลิ้ม ที่ ๒ นางเกษรา แซ่ลิ้ม ที่ ๓ จำเลย โดยผู้ฟ้องคดีได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๗๐๔๘ แขวงออเงิน (ท่าแร้ง) เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารโรงงาน ๔ ชั้น โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ผนังก่ออิฐถือปูนฉาบเรียบ (สภาพเก่า) รั้วเหล็กดัดล้อเลื่อน จำนวน ๒ หลัง และบ้านตึก ๒ ชั้น โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคากระเบื้อง ผนังก่ออิฐถือปูนฉาบเรียบ (สภาพเก่า) รั้วเหล็กดัดล้อเลื่อน จำนวน ๑ หลัง ราคา ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และผู้ฟ้องคดีทำสัญญาซื้อขายกับผู้ถูกฟ้องคดี โดยผู้ฟ้องคดีได้วางเงินมัดจำไว้ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ต่อมาผู้ฟ้องคดียื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบทรัพย์ที่ซื้อจากการขายทอดตลาดดังกล่าวว่าก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ตามคำแนะนำของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อประกอบการขอสินเชื่อในการซื้อทรัพย์ดังกล่าว ต่อมาสำนักงานเขตสายไหมซึ่งทรัพย์ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบมีหนังสือแจ้งผู้ฟ้องคดีว่า ในบริเวณที่ดินแปลงนี้ มีอาคารตึก ๔ ชั้น จำนวน ๑ หลัง ก่อสร้างถูกต้องตามแบบ แต่มีอาคารตึก ๔ ชั้น จำนวน ๑ หลัง และตึก ๒ ชั้น จำนวน ๑ หลัง ไม่พบหลักฐานการขออนุญาตปลูกสร้างอาคารแต่อย่างใด ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าทรัพย์ ที่ผู้ถูกฟ้องคดีขายให้แก่ผู้ฟ้องคดีขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อสัญญาในประกาศขายทอดตลาดของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นเงื่อนไขคลุมเครือ ขัดต่อกฎหมายไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอออกหนังสือรับรองความถูกต้องของอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคารของกรุงเทพมหานครที่กำหนดให้ผู้ขอต้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้จริง หรือเป็นบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในตัวทรัพย์เท่านั้น ประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าซื้อทรัพย์ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ของเงื่อนไขดังกล่าว และไม่อาจขอออกหนังสือรับรองความถูกต้องได้ประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีเรื่องขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมิได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ประชาชนทั่วไปทราบ จึงเป็นการผิดพลาดในสาระสำคัญในทรัพย์สินที่จะขาย เป็นการหลอกลวงประชาชน โดยหวังจะริบเงินมัดจำบางส่วนของผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์โดยสุจริต และเป็นการกระทำละเมิด ผู้ฟ้องคดีจึงมีหนังสือขอยกเลิกสัญญาซื้อทรัพย์ดังกล่าวและขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีคืนเงินมัดจำแก่ผู้ฟ้องคดี และมีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความเป็นธรรม แต่ยังมิได้มีหนังสือแจ้งกลับมา นอกจากนั้นเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๘ ผู้ถูกฟ้องคดียังได้ออกประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวใหม่ โดยจะมีการขายทอดตลาดในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการกระทำละเมิดดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดี โดยผู้ฟ้องคดีถูกริบเงินมัดจำที่วางไว้ และหากการขายทอดตลาดครั้งต่อไป ได้ราคาสุทธิต่ำกว่าครั้งก่อนผู้ฟ้องคดีต้องรับผิดชอบให้เต็มจำนวนที่ผู้ฟ้องคดีประมูลไว้ในครั้งก่อนและต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สำหรับการขายทอดตลาดครั้งหลังนี้ ขอให้บังคับผู้ถูกฟ้องคดีคืนเงินมัดจำ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๗ จนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ขอให้ไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาโดยสั่งห้ามผู้ถูกฟ้องคดีและสำนักงานบังคับคดีพื้นที่เขตมีนบุรีขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างรายนี้ ลำดับที่ ๓๕ ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ผู้ถูกฟ้องคดีให้การและเพิ่มเติมคำให้การว่า ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องเกินกำหนดระยะเวลาฟ้องคดี การดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีได้ดำเนินการโดยชอบตามคำสั่งศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๒๒ ผู้ถูกฟ้องคดีมิได้กระทำละเมิดแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ถูกฟ้องคดียื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า ผู้ถูกฟ้องคดีในฐานะเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดมีนบุรีได้ประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ตามหมายยึดทรัพย์ของศาลจังหวัดมีนบุรี ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๙๑/๒๕๔๒ ตามคำสั่งของศาลจังหวัดมีนบุรี อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาลจังหวัดมีนบุรี ผู้ฟ้องคดีเข้าประมูลซื้อทรัพย์สินตามประกาศดังกล่าวในราคา ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และวางเงินมัดจำเป็นเงิน จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจะต้องชำระภายใน ๑๕ วัน และศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งอนุญาตตามกฎหมายแล้ว ซึ่งเป็นไปตามระเบียบในการบังคับคดีและนิติกรรมในทางยุติธรรม คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามคำฟ้องเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีถูกผู้ถูกฟ้องคดีโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีพื้นที่เขตมีนบุรี กระทำละเมิดโดยนำทรัพย์ที่ขัดต่อกฎหมาย คือพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ออกประกาศขายทอดตลาดโดยมิได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นบุคคลภายนอกทราบอย่างชัดแจ้งในประกาศขายทอดตลาด ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย แม้การขายทอดตลาดดังกล่าวจะเป็นผลจากคำพิพากษาของศาล แต่ผู้ถูกฟ้องคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีก็มีอำนาจตามกฎหมายในการกำหนดระเบียบและวิธีการในการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สิน กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองกระทำละเมิดอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ศาลจังหวัดมีนบุรีพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เป็นกรณีผู้ฟ้องคดีขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีคืนเงินมัดจำตามสัญญาซื้อขายที่ดินจากการขายทอดตลาดทรัพย์พร้อมดอกเบี้ยและงดการขายทรัพย์รายนี้ชั่วคราว โดยมิได้ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีใช้ค่าเสียหายจากการทำละเมิดของเจ้าพนักงานบังคับคดีอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายในการขายทอดตลาดทรัพย์ตามคำสั่งศาล วัตถุแห่งหนี้ในคดีนี้คือสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างผู้ฟ้องคดีกับผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นสัญญาทางแพ่ง และการที่ศาลจะมีคำพิพากษาให้คืนเงินมัดจำแก่ผู้ฟ้องคดีหรือไม่ จำต้องวินิจฉัยก่อนว่า สัญญาดังกล่าวมีผลสมบูรณ์บังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ เพียงใด และฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญาซึ่งต้องพิจารณาตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาขายทอดตลาดทรัพย์ตามคำสั่งศาลในการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งหากผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายจากการนี้ ต้องยื่นคำร้องต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีให้เพิกถอนหรือแก้ไขวิธีการบังคับคดีทั้งปวง ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ วรรคสอง ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม กรณีตามคำฟ้องนี้ จึงไม่เข้าลักษณะเป็นคดีปกครอง ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคดีนี้สรุปได้ว่า ผู้ฟ้องคดีประมูลซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาด ตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีพื้นที่เขตมีนบุรี สังกัดผู้ถูกฟ้องคดีในคดีแพ่งศาลจังหวัดมีนบุรี หมายเลขแดงที่ ๒๙๑/๒๕๔๒ โดยผู้ฟ้องคดีได้ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๗๐๔๘ แขวงออเงิน (ท่าแร้ง) เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารโรงงาน ๔ ชั้น โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ผนังก่ออิฐถือปูนฉาบเรียบ (สภาพเก่า) รั้วเหล็กดัดล้อเลื่อน จำนวน ๒ หลัง และบ้านตึก ๒ ชั้น โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคากระเบื้อง ผนังก่ออิฐถือปูนฉาบเรียบ (สภาพเก่า) รั้วเหล็กดัดล้อเลื่อน จำนวน ๑ หลัง ราคา ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และผู้ฟ้องคดีทำสัญญาซื้อขายกับผู้ถูกฟ้องคดีโดยผู้ฟ้องคดีวางเงินมัดจำไว้ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ต่อมาผู้ฟ้องคดียื่นคำร้องขอตรวจทรัพย์ดังกล่าวเพื่อขอสินเชื่อ สำนักงานเขตสายไหมแจ้งว่า ในบริเวณที่ดินแปลงนี้มีอาคารตึก ๔ ชั้น จำนวน ๑ หลัง ก่อสร้างถูกต้องตามแบบ แต่มีอาคารตึก ๔ ชั้น จำนวน ๑ หลัง และตึก ๒ ชั้น จำนวน ๑ หลัง ไม่พบหลักฐานการขออนุญาตปลูกสร้างอาคารแต่อย่างใด ทรัพย์ที่ผู้ถูกฟ้องคดีขายให้แก่ผู้ฟ้องคดี จึงขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อสัญญาในประกาศขายทอดตลาดของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นเงื่อนไขคลุมเครือ ประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีเรื่องขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมิได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ประชาชนทั่วไปทราบ เป็นการผิดพลาดในสาระสำคัญในทรัพย์สินที่จะขาย หลอกลวงประชาชน หวังจะริบเงินมัดจำบางส่วนของผู้ฟ้องคดีซึ่งได้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริต และเป็นการกระทำละเมิด ผู้ฟ้องคดีจึงมีหนังสือขอยกเลิกสัญญาซื้อทรัพย์ดังกล่าวและขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีคืนเงินมัดจำแก่ผู้ฟ้องคดี แต่ผู้ถูกฟ้องคดีเพิกเฉย ขอให้คืนเงินมัดจำ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย และขอให้งดการขายทอดตลาด ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีให้การและเพิ่มเติมคำให้การว่า ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องเกินกำหนดระยะเวลาฟ้องคดี การดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีได้ดำเนินการโดยชอบตามคำสั่งศาลและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๒๒ ผู้ถูกฟ้องคดีมิได้กระทำละเมิดแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) บัญญัติให้ “ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร” บทบัญญัติดังกล่าวเป็นการจำกัด ประเภทคดีปกครองที่เกิดจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานทางปกครอง โดยมุ่งหมายให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดที่เกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานทางปกครองเท่านั้น เมื่อคดีนี้ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ผู้ฟ้องคดีทำสัญญาซื้อขายกับผู้ถูกฟ้องคดีโดยวางเงินมัดจำ จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ไว้เป็นประกัน แต่จากการตรวจสอบ ปรากฏว่า ไม่พบหลักฐานการขออนุญาตปลูกสร้างอาคาร จำนวน ๒ หลัง ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ทั้งประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีเรื่องขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างก็มิได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ประชาชนทั่วไปทราบ เป็นการผิดพลาดในสาระสำคัญในทรัพย์สินที่จะขาย และเป็นการกระทำละเมิด ทำให้ผู้ฟ้องคดีถูกริบเงินมัดจำที่วางไว้ ผู้ฟ้องคดีจึงขอยกเลิกสัญญาและขอคืนเงินมัดจำพร้อมดอกเบี้ย มูลความแห่งคดีนี้จึงสืบเนื่องมาจากการดำเนินการของเจ้าพนักงานบังคับคดีสังกัด ผู้ถูกฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาล ที่บัญญัติให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นขั้นตอนของการดำเนินการบังคับคดีภายหลังจากศาลได้มีคำพิพากษา หรือคำสั่งชี้ขาดข้อพิพาทของคู่ความในทางแพ่งแล้ว อันเป็นขั้นตอนและกระบวนการในทางแพ่งที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่ประชาชน การจัดทำสัญญาซื้อขายทรัพย์ที่ผู้ฟ้องคดี เป็นผู้ประมูลได้จากการขายทอดตามประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีพื้นที่เขตมีนบุรี สังกัดผู้ถูกฟ้องคดี เรื่องขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในคดีแพ่งศาลจังหวัดมีนบุรี หมายเลขแดงที่ ๒๙๑/๒๕๔๒ นั้น จึงเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งบัญญัติไว้ให้สำเร็จลุล่วงไป ดังนั้น แม้ข้อพิพาทในคดีนี้ จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐสังกัดกรมบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ก็ตามแต่เมื่อเป็นข้อพิพาทที่สืบเนื่องมาจากกระบวนวิธีบังคับคดีในทางแพ่งแล้ว ข้อพิพาทในคดีนี้จึงไม่มีลักษณะเป็นคดีปกครองที่จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นางวินงคราญ เรือนคำ ผู้ฟ้องคดี กรมบังคับคดี ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ปัญญา ถนอมรอด (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายปัญญา ถนอมรอด) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) อักขราทร จุฬารัตน (ลงชื่อ) อัครวิทย์ สุมาวงศ์
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลโท สายัณห์ อรรถเกษม (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(สายัณห์ อรรถเกษม) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) พรชัย รัศมีแพทย์
(นายพรชัย รัศมีแพทย์)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

คมศิลล์ คัด/ทาน
??

??

??

??

Share