คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เช็คที่ขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออก และด้านหน้าบนซ้ายของเช็คมีตราประทับเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า “เอ/ซีเปยี่โอนลี่”(A/CPAYEEONLY) เป็นเช็คเปลี่ยนมือไม่ได้ ผู้รับเงินจะต้องนำเข้าบัญชีของตน หากจะโอนให้ผู้อื่นได้ก็แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 306 วรรคหนึ่ง ดังที่มาตรา 917 วรรคสอง ประกอบมาตรา 989บัญญัติไว้ ซึ่งต้องทำเป็นหนังสือจึงจะสมบูรณ์ และจะยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนเป็นหนังสือไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้ยินยอมเป็นหนังสือในการโอนนั้น ดังนั้น แม้จำเลยที่ 3ผู้ทรงเช็คพิพาทจะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมชำระหนี้ให้โจทก์ด้วยเช็คพิพาท และศาลพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าวแล้วก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งการโอนเช็คพิพาทในคดีดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้สั่งจ่ายทราบเป็นหนังสือ หรือจำเลยที่ 1 ที่ 2ได้ยินยอมเป็นหนังสือในการโอนนั้น โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้สั่งจ่ายซึ่งเป็นผู้เขียนข้อความทำนองเปลี่ยนมือไม่ได้ดังกล่าว จำเลยที่ 1ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด สาขาปากช่อง จำนวนเงิน 100,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายแก่จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้อาวัลเช็คฉบับดังกล่าวมอบให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ ซึ่งโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทราบแล้ว โจทก์ได้นำไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 107,417.80 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า ได้สั่งจ่ายเช็คพิพาทแก่จำเลยที่ 3 โดยเฉพาะ และมีคำสั่งห้ามโอน การที่จำเลยที่ 3 โอนเช็คพิพาทแก่โจทก์โดยมิใช่รูปการอย่างการโอนสามัญจึงไม่สมบูรณ์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ได้ให้ความยินยอมในการโอนเป็นหนังสือ ทั้งโจทก์มิได้แจ้งการโอนให้จำเลยที่ 2 ทราบเป็นหนังสือ จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ ขอให้ยกฟ้อง ก่อนจำเลยที่ 3ยื่นคำให้การ โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวเป็นหนังสือขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชำระเงิน100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากนางดวงใจ ปุณณรัตน์จำเลยที่ 3 เป็นการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 55/2527 ของศาลจังหวัดนครราชสีมา (อำเภอปากช่อง)และศาลได้พิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าว เช็คพิพาทเป็นเช็คของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาปากช่อง ฉบับเลขที่ 045595 ลงวันที่14 ตุลาคม 2527 จำนวนเงิน 100,000 บาท จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายระบุชื่อนางดวงใจ ปุณณรัตน์ จำเลยที่ 3เป็นผู้รับเงิน โดยขีดฆ่าคำว่า “หรือผู้ถือ” ออก และด้านหน้าบนซ้ายของเช็คมีตราประทับเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า”เอ/ซี เปยี่ โอนลี่” (A/C PAYEE ONLY) ปรากฏตามเอกสารหมายจ.1 เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ เพราะธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินอ้างว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่ายตามใบคืนเช็คเอกสารหมาย จ.2 ปัญหามีว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เช็คพิพาทในลักษณะดังได้กล่าวมาแล้วนั้นเปลี่ยนมือไม่ได้ จำเลยที่ 3ซึ่งเป็นผู้รับเงินจะต้องนำเข้าบัญชีของตน อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 3 จะโอนเช็คพิพาทให้โจทก์ได้ก็แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา917 วรรคสอง ประกอบมาตรา 989 การโอนสามัญก็คือการโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 วรรคหนึ่งที่บัญญัติว่าการโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่งการโอนหนี้นั้นท่านว่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้ แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น คำบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ท่านว่าต้องทำเป็นหนังสือ ดังนั้นแม้จะปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่55/2527 ของศาลจังหวัดนครราชสีมา (อำเภอปากช่อง) ว่านางดวงใจ จำเลยที่ 3 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ว่าจำเลยที่ 3 ยอมชำระหนี้ในคดีนั้นให้โจทก์ด้วยเช็คพิพาทและศาลได้พิพากษาตามยอมจนคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้วก็ตาม ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แจ้งการโอนเช็คพิพาทตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ทราบเป็นหนังสือ หรือจำเลยที่ 1ที่ 2 ได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือในการโอนเช็คพิพาทดังกล่าวแต่ประการใด โจทก์จึงไม่อาจยกการโอนเช็คพิพาทดังกล่าวขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2ผู้สั่งจ่ายซึ่งเป็นผู้เขียนข้อความทำนองเปลี่ยนมือไม่ได้ จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทให้โจทก์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share