แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
จำเลยกับพวก5คนนั่งรถยนต์ปิคอัพมาที่ไร่ของผู้เสียหายแล้วจำเลยลงมาพูดขู่บังคับผู้เสียหายให้ออกไปจากไร่ของผู้เสียหายภายใน2เดือนถ้าไม่ยอมออกจะให้ลูกปืนกินหรือใช้ปืนยิงซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้หนีออกจากไร่ของตนเพราะกลัวจะถูกทำร้ายตามที่จำเลยพูดขู่ไว้การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา309ซึ่งลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา337.
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอ ให้ ลงโทษ จำเลย ฐาน กรรโชก ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว ฟัง ว่า การ กระทำ ของ จำเลย ไม่ เข้า ลักษณะความผิด ฐาน กรรโชก แต่ เป็น ความผิด ต่อ เสรีภาพ พิพากษา ว่า จำเลยมี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 จำคุก 2 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา กลับ ให้ ยกฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ปัญหา ใน ข้อ ที่ ว่า จำเลย ได้ ข่มขืน ใจผู้เสียหาย ให้ ออก จาก ไร่ ดังกล่าว และ มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ตาม ที่ ศาลชั้นต้น ลงโทษ ไป แล้ว จริงหรือ ไม่ นั้น โจทก์ มี ผู้เสียหาย นาย สุวรรณ ศรีสมบูรณ์ กับ นายสถิตย์ ศรีสมบูรณ์ เป็น ประจักษ์พยาน เบิกความ ประกอบ กัน ยืนยัน ว่าตอน เกิดเหตุ จำเลย นั่ง รถยนต์ ปิคอัพ มา กับ พวก รวม 5 คน แล้ว จำเลยลง มา พูด ขู่ บังคับ ผู้เสียหาย ให้ ออก ไป จาก ไร่ ของ ตน ภายใน2 เดือน ถ้า ไม่ ยอม ออก จะ ให้ ลูกปืน กิน หรือ ใช้ ปืน ยิง ซึ่ง ต่อมาผู้เสียหาย ก็ ออก ไป จาก ไร่ ดังกล่าว เพราะ กลัว จะ ถูก จำเลย ทำร้ายแม้ นาย สถิตย์ พยาน โจทก์ คน หลัง จะ เบิกความ ว่า จำเลย มา พูด ขู่ที่ ไร่ นาย สุวรรณ ก็ ไม่ พอ จะ ถือ เป็น ข้อ พิรุธ นาย สถิตย์ อาจเข้าใจ ผิด หรือ หลง ลืม ไป ก็ ได้ เพราะ ไร่ ของ ผู้เสียหาย กับ ของนาย สุวรรณ อยู่ ใน บริเวณ เดียวกัน และ นาย สถิตย์ เคย ให้การ ไว้ใน ชั้น สอบสวน ตาม เอกสาร หมาย จ.2 ว่า จำเลย ได้ มา พูด ขู่ อยู่ ที่ไร่ ผู้เสียหาย ตรง กับ คำ พยาน โจทก์ สอง คน แรก ไม่ ปรากฏ ว่า พยานโจทก์ ทั้ง สาม มี สาเหตุ โกรธเคือง กับ จำเลย จึง ไม่ ระแวง สงสัยว่า จะ มี การ กลั่นแกล้ง ปรักปรำ จำเลย นำสืบ อ้าง ฐาน ที่ อยู่ไม่ มี น้ำหนัก พอ ให้ รับ ฟัง หักล้าง พยาน โจทก์ รูป คดี เชื่อ ว่าผู้เสียหาย ได้ หนี ออก จาก ไร่ ของ ตน เพราะ กลัว จะ ถูก ทำร้าย ตามที่ จำเลย พูด ขู่ ไว้ จริง การ กระทำ ของ จำเลย ครั้งนี้ เข้า ลักษณะเป็น ความผิด ต่อ เสรีภาพ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ซึ่ง ลงโทษได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พิพากษา กลับ ให้ บังคับ คดี ลงโทษ จำเลย ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น