คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

หลังจากที่โจทก์ประกวดราคาเพื่อสิทธิในการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ไม่เป็นผลสำเร็จ และในระหว่างที่องค์การโทรศัพท์กำลังเตรียมทำสัญญากับบริษัทผู้ชนะการประกวดราคานั้น โจทก์ได้โฆษณาทางหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนอื่น ๆ ว่า จะทำการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้เช่าทุกรายต่อไปในฐานะที่เป็นสมุดธุรกิจอิสระไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย แสดงว่าโจทก์มีความบริสุทธิ์ใจในการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยและจำเลยทั้งสองก็ไม่ได้โต้แย้งว่าต้องการโฆษณาในสมุด เยลโล่เพจเจ็ส คงมาโต้แย้งเมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินค่าโฆษณา โจทก์ไม่เคยติดต่อกับจำเลยทั้งสองมาก่อน และจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายติดต่อขอลงโฆษณาในหนังสือของโจทก์โดยที่โจทก์ก็เคยโฆษณาไว้แล้วว่าจะจัดทำเป็นสมุดธุรกิจอิสระ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองสำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาจ้าง โจทก์จะมีสิทธิจัดพิมพ์สมุดดังกล่าวหรือไม่ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับองค์การโทรศัพท์ฯ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่จำเลยทั้งสองที่จะไม่ต้องชำระค่าจ้างโฆษณา เพราะเป็นคนละเรื่องกับสัญญาจ้างโฆษณาที่โจทก์ฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะทำการแทนจำเลยที่ 1 และในฐานะส่วนตัวได้ร่วมกันตกลงว่าจ้างโจทก์ให้ลงโฆษณาในสมุดธุรกิจเยลโล่ เพจเจ็ส ซึ่งโจทก์เป็นผู้จัดทำ โดยตกลงให้ค่าจ้างแก่โจทก์เป็นเงิน 120,000 บาท จำเลยทั้งสองวางเงินล่วงหน้า 30,000 บาทในวันทำสัญญา ยังคงค้างอยู่อีก 90,000 บาท ส่วนที่ค้างนี้จำเลยทั้งสองตกลงจะชำระให้โจทก์เมื่อสมุดธุรกิจดังกล่าวพิมพ์เสร็จหากผิดนัดยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยได้ โจทก์ได้จัดการลงโฆษณาให้แก่จำเลยทั้งสองแล้ว แต่จำเลยทั้งสองกลับผิดนัดไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 96,700 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 90,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า พนักงานของโจทก์อ้างว่าโจทก์มีสิทธิจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ผู้ใดจะโฆษณาธุรกิจของตนก็จะทำการโฆษณาในหน้าเหลืองเมื่อพิมพ์เสร็จก็จะนำไปแจกให้แก่ผู้มีนามใช้โทรศัพท์ที่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้งโทรศัพท์จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยดังเช่นทุก ๆ ปีที่เคยปฏิบัติมา จำเลยทั้งสองหลงเชื่อจึงได้ตกลงทำหลักฐานใบสั่งลงโฆษณาไว้และชำระเงินล่วงหน้า แต่ปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้ทำใบโฆษณาของจำเลยที่ 1 ลงในสมุด “เยลโล่ เพจเจ็ส” ตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่โจทก์กลับนำไปลงในสมุด “ธุรกิจ เยลโล่ เพจเจ็ส”อันเป็นการผิดสัญญา จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องชำระเงิน พร้อมดอกเบี้ยตามฟ้อง ทั้งปรากฏว่าสมุด “ธุรกิจ เยลโล่ เพจเจ็ส” ของโจทก์ส่วนหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามสามยอดยึดไปเพื่อดำเนินคดีแก่โจทก์ฐานละเมิดลิขสิทธิที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้ให้แก่บริษัท เอ.ที.แอนด์.ที. จำกัด ดังนั้น โจทก์จึงต้องคืนเงิน แก่จำเลยทั้งสองพร้อมดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์คืนเงินจำนวน 35,091 บาท ให้แก่จำเลยทั้งสอง พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 30,000 บาท นับถัดจากวันยื่นคำให้การเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะชำระเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสองจะอ้างว่าได้กระทำลงโดยสำคัญผิดไม่ได้ การจัดพิมพ์สมุดธุรกิจโฆษณานั้น ผู้ใดก็ย่อมทำได้ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน96,700 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 90,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ ให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยทั้งสองทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้ลงโฆษณาโดยจำเลยทั้งสองสำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาหรือไม่ และโจทก์จะต้องคืนเงินให้แก่จำเลยทั้งสองหรือไม่ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายติดต่อขอลงโฆษณากับโจทก์ก่อน และตามทางนำสืบของโจทก์และจำเลยทั้งสองไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยลงโฆษณาดังกล่าวกับหนังสือที่โจทก์พิมพ์โฆษณามาก่อน ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองเพิ่งจะติดต่อทำสัญญาจ้างโฆษณาที่พิพาทกันในคดีนี้เป็นครั้งแรกมิใช่จำเลยทั้งสองเป็นลูกค้าของโจทก์ต่อเนื่องกันมาแต่เดิมนอกจากนี้ยังปรากฏตามหนังสือของอธิบดีกรมอัยการตอบข้อหารือขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยตามเอกสารหมาย ล.3 ว่า หลังจากที่โจทก์ประกวดราคาเพื่อสิทธิในการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ไม่เป็นผลสำเร็จ ระหว่างที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยกำลังเตรียมทำสัญญากับบริษัท เอ.ที.แอนด์.ที. จำกัด ผู้ชนะการประกวดราคานั้นโจทก์ได้ทำการโฆษณาทางหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนอื่น ๆ ว่า จะทำการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้เช่าทุกรายต่อไปในฐานะที่เป็นสมุดธุรกิจอิสระไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยหรือสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยดังนี้เห็นได้ว่า โจทก์เองก็มีความบริสุทธิ์ใจในการจัดพิมพ์สมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ทั้งตามเอกสารหมาย จ.5 อันเป็นเอกสารที่พนักงานของโจทก์ทำขึ้นมอบให้ไว้แก่จำเลยทั้งสองก็ระบุข้อความไว้เช่นนั้นจำเลยทั้งสองก็หาได้โต้แย้งว่า จำเลยทั้งสองต้องการโฆษณาในสมุดเยลโล่ เพจเจ็ส แต่ประการใดไม่เป็นเวลาถึงหกเดือนคงมาโต้แย้งเมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินค่าโฆษณา เมื่อโจทก์ไม่เคยติดต่อกับจำเลยทั้งสองมาก่อน และจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายติดต่อกับโจทก์ขอลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือของโจทก์โดยที่โจทก์ก็เคยโฆษณาไว้แล้วว่าจะจัดทำเป็นสมุดธุรกิจอิสระ และโจทก์ทำการโฆษณาให้จำเลยทั้งสองแล้วเช่นนี้ ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองว่าจ้างโจทก์ให้ลงโฆษณา โดยจำเลยทั้งสองสำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาจ้าง สัญญาจ้างโฆษณาจึงมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับได้จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดชดใช้เงินค่าจ้างส่วนที่ค้างชำระแก่โจทก์ ปัญหาที่ว่า โจทก์จะต้องคืนเงินให้แก่จำเลยทั้งสองหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิจัดพิมพ์สมุด ธุรกิจ เยลโล่ เพจเจ็ส จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่า โจทก์จะมีสิทธิจัดพิมพ์สมุดดังกล่าวหรือไม่ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยหากโจทก์ไม่มีสิทธิจัดพิมพ์ โจทก์ก็ต้องรับผิดต่อองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หาใช่ก่อให้เกิดสิทธิแก่จำเลยทั้งสองที่จะไม่ต้องชำระค่าจ้างโฆษณาไม่ เพราะเป็นคนละเรื่องกับสัญญาจ้างโฆษณาที่โจทก์ฟ้อง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share