แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลย คว้า เอา อาวุธ ปืนแก๊ป ยาว ที่ ผู้ตาย พิง ไว้ ที่ ต้น ไม้ มา ยิง ผู้ตาย ใน ทันที ทันใด โดย ไม่มี เหตุ ป้องกัน ตน การกระทำ ของ จำเลย จึง เป็น ความผิด ฐาน ฆ่า ผู้อื่น โดย เจตนา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ที่เกิดเหตุ อยู่ ใน เขต ป่าสงวนแห่งชาติ หลัง เกิดเหตุ จำเลย พา อาวุธปืน เดิน ไป ตาม ป่า ใน เขต ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ปรากฏ ว่า เป็น ทาง ที่ ประชาชน ใช้ ใน การจราจร ไม่มี หมู่บ้าน เพราะ เดิน อ้อม ภูเขา จึง ไม่อาจ ถือได้ว่า จำเลย พา อาวุธปืน ไป ใน หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะ โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต การกระทำ ของ จำเลย ไม่เป็น ความผิด ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8, ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 91 จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนแก๊ปยาวไว้ในครอบครองปฏิเสธข้อหาอื่น ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม2519 ข้อ 3, 6, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ข้อหามีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี ข้อหาพาอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ข้อหาฆ่าผู้อื่น จำคุก 15 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนชั้นพิจารณาและคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ข้อหามีอาวุธปืน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ข้อหาพาอาวุธปืนและข้อหาฆ่าผู้อื่น ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงลงโทษข้อหามีอาวุธปืน จำคุก 6 เดือน ข้อหาพาอาวุธปืน จำคุก4 เดือน และข้อหาฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 10 ปี 10 เดือนข้อหาอื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาฆ่าผู้อื่นและพาอาวุธปืน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลา และสถานที่เกิดเหตุ จำเลยให้อาวุธปืนแก๊ปยาวยิงนายสุวรรณบัวระวงศ์ ผู้ตาย ถูกที่ศีรษะและกลางหลัง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยคว้าเอาอาวุธปืนแก๊ปยาวที่ผู้ตายพิงไว้ที่ต้นไม้มายิงผู้ตายในทันทีทันใดโดยไม่มีเหตุป้องกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ส่วนข้อหาฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัวนั้น โจทก์มีนางศรีดาเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยถืออาวุธปืนแก๊ปยาวมาชวนหนีหลังจากจำเลยยิงผู้ตายแล้ว และคงถืออาวุธปืนดังกล่าวต่อไป โดยหลบหนีเข้าป่าและเดินอ้อมภูเขา เมื่อถึงถนนใหญ่สายพิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ก็ไม่เห็นอาวุธปืนดังกล่าวอยู่ที่จำเลย ไม่ทราบว่าจำเลยทิ้งอาวุธปืนไว้ที่ใดนายทองสุข บัวระวงศ์ พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า ที่เกิดเหตุในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งจำเลยนำสืบว่าเมื่อหนีไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตร เห็นว่าอาวุธปืนไม่มีกระสุนจึงโยนทิ้งลงเขาไป เห็นว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหลังเกิดเหตุจำเลยพาอาวุธปืนเดินไปตามป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติไม่ปรากฏว่าเป็นทางที่ประชาชนใช้ในการจราจร ไม่มีหมู่บ้าน เพราะเดินอ้อมภูเขา จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้องของโจทก์ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2