คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคหนึ่ง บัญญัติหลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่าให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ ไม่มีบทบัญญัติมาตราใดอนุญาตให้คู่ความอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาได้ดังเช่นคดีแพ่ง ดังนั้น การใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอาญาของศาลชั้นต้น จึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาค 4 ลักษณะ 1 จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

ในชั้นแรกจำเลยให้การรับสารภาพ โจทก์และจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยานจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการอ่านคำพิพากษาเพื่อหาทางบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาเพื่อให้โอกาสจำเลยรวม 4 ครั้ง ครั้งสุดท้ายกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 11 มิถุนายน 2541 เวลา 13.30 นาฬิกาในวันนัดดังกล่าวโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายโจทก์มาฟังคำพิพากษาและกำหนดวันนัดแทนโจทก์ ในวันนั้นจำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่ปฏิเสธความผิดศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยให้การใหม่ได้และนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 29 มิถุนายน 2541 เวลา 9.00 นาฬิกา เสมียนทนายโจทก์ลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดในรายงานกระบวนพิจารณาของศาล ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 11 มิถุนายน2541 ของศาลชั้นต้น ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์โจทก์และทนายความไม่มาศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 29 มิถุนายน 2541 ให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบมาตรา 181

โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 1 กันยายน 2541 ว่า โจทก์ไม่ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ เนื่องจากเสมียนทนายโจทก์ไม่ได้แจ้งวันนัดพิจารณาให้โจทก์ทราบขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งยกฟ้องและนัดสืบพยานโจทก์ต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ 1 กันยายน 2541 ว่าโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายโจทก์มากำหนดวันนัดแทน ถือได้ว่าโจทก์ทราบกำหนดนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้ว ยกคำร้อง

โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 7 กันยายน 2541 ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งยกฟ้องโจทก์และกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่าไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคหนึ่ง ได้บัญญัติถึงหลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่า ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ไม่มีบทบัญญัติมาตราใดอนุญาตให้คู่ความอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาได้ดังเช่นคดีแพ่ง ดังนั้น การใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอาญาของศาลชั้นต้น จึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาค 4 ลักษณะ 1 จะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นโดยตรงต่อศาลฎีกาจึงไม่ถูกต้องเพราะเป็นการยื่นอุทธรณ์ข้ามลำดับของศาล”

พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกานั้นเสีย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังศาลอุทธรณ์ที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไป

Share