คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้าแต่โจทก์ไม่ได้เสีย กลับอ้างว่าเงินได้หรือรายรับเป็นของผู้อื่นพฤติการณ์โจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดเงินเพิ่มภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2534คงเรียกเก็บร้อยละ 50 ของเงินเพิ่มตามกฎหมาย และลดเบี้ยปรับสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2525 และภาษีการค้าของปี 2524และ 2525 คงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายนับว่าเป็นคุณแก่โจทก์มากแล้วจึงไม่มีเหตุที่จะงดหรือลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับให้โจทก์อีก ส่วนเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่ง ประมวลรัษฎากรสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2525 และเงินเพิ่มตามมาตรา 89 ทวิสำหรับภาษีการค้าปี 2524 และ 2525 ซึ่งเป็นเงินเพิ่มเพราะโจทก์ไม่เสียภาษีภายในกำหนดนั้น กฎหมายกำหนดไว้แน่นอนโดยไม่มีข้อยกเว้นให้งดหรือลดได้ และจะลดได้ก็จะต้องเป็นไปตามกฎหมายศาลจึงไม่อาจพิจารณางดหรือลดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้าของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ หากศาลเห็นว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้งดหรือลดเงินเพิ่มเบี้ยปรับให้โจทก์
จำเลยให้การว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นหุ้นส่วนกับนายสันติพงศ์ในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนในการค้าตึกแถวและที่ดิน โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้าปี 2524 และปี 2525 การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยจึงถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้วอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น และเมื่อได้วินิจฉัยดังนี้แล้ว คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปเกี่ยวกับการของดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มซึ่งประเด็นข้อนี้ศาลภาษีอากรกลางยังมิได้วินิจฉัยมา แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอาการกลางวินิจฉัยก่อนแต่อย่างใด และศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีการค้าแต่โจทก์ไม่ได้เสีย กลับอ้างว่าเงินได้หรือรายรับเป็นของผู้อื่นมีพฤติการณ์ว่าโจทก์มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดเงินเพิ่มภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2524 คงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเงินเพิ่มตามกฎหมาย และลดเบี้ยปรับสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2525 และภาษีการค้าของปี 2524 และ 2525คงเรียกเก็บเพียงร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย นับว่าเป็นคุณแก่โจทก์มากแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะงดหรือลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับให้แก่โจทก์อีก ส่วนเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากรสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2525 และเงินเพิ่มตามมาตรา 89 ทวิสำหรับภาษีการค้าปี 2524 และ 2525 ซึ่งเป็นเงินเพิ่มเพราะโจทก์ไม่เสียภาษีภายในกำหนดเช่นนี้ กฎหมายกำหนดไว้แน่นอนโดยไม่มีข้อยกเว้นให้งดเก็บเสียได้และจะลดได้ก็จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย ศาลจึงไม่อาจพิจารณางดหรือลดได้ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่งดและไม่ลดเงินเพิ่มส่วนนี้ให้แก่โจทก์ชอบแล้วที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาเพิกถอนการประเมินของจำเลยมานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share