คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจเป็นผู้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทนนั้น ผู้มอบอำนาจยังเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์อยู่ แม้ภายหลังผู้มอบอำนาจจะพ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำการแทนโจทก์ก็ตาม หาได้ทำให้ฐานะของผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนโจทก์สิ้นสุดไปไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน ๑๑๑,๕๔๗.๗๐ บาท และให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ให้โจทก์เป็นเงิน ๙๖,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับค่าเสียหายเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบหรือใช้ราคารถแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแทนของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อไม่ชอบ ถือว่าสัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิกกัน จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน ๘๕,๐๐๐ บาท ให้ร่วมกันชำระเงิน ๕๖,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๖,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๑ ซึ่งเป็นวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และชำระค่าเสียหายเดือนละ ๓,๕๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถหรือใช้ราคาแทนแก่โจทก์ แต่ไม่เกิน ๑๒ เดือน กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ๔,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า หนังสือมอบอำนาจ หนังสือมอบอำนาจช่วง และการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของโจทก์มีผลสมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า หนังสือรับรองที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ออกให้แก่โจทก์ รับรองว่า ว. และ ท. เป็นกรรมการของโจทก์และมีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ทำการผูกพันโจทก์ได้ ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๕ ถึงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๑ และเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๙ ซึ่งอยู่ในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว บุคคลทั้งสองได้มอบอำนาจให้ ก. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลและมีอำนาจแต่งตั้งตัวแทนช่วงแทนโจทก์ได้ ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ. ๒ ก. จึงมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้โดยชอบ แม้ต่อมาภายหลัง ก. ได้มอบอำนาจช่วงให้ ม. ดำเนินคดีนี้แทนโจทก์หลังจากที่ ว. มิได้เป็นกรรมการโจทก์แล้วก็ตาม ก. ก็ยังคงมีอำนาจทำการแทนโจทก์ได้โดยชอบ เพราะขณะที่ ว. และ ท. มอบอำนาจให้ ก. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทนนั้น บุคคลทั้งสองยังเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ แม้ภายหลัง ว. จะพ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อกระทำการแทนโจทก์ก็ตาม หาได้ทำให้ฐานะของผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนโจทก์สิ้นสุดไปไม่ และจำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าในขณะที่ ว. และ ท. ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ก. มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้ตามเอกสารหมาย จ. ๒ นั้น โจทก์ได้เพิกถอน ว. และ ท. มิให้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการผูกพันแทนโจทก์แล้วหรือไม่อย่างไร พยานหลักฐานของโจทก์ในข้อนี้มีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าในขณะที่ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ก. ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ. ๒ ว. ยังคงมีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกันกับ ท. และประทับตราสำคัญของโจทก์กระทำการแทนโจทก์ได้ ต่อมา ก. ผู้รับมอบอำนาจ ได้มอบอำนาจช่วงให้ ม. เป็นผู้ดำเนินคดีแทน ตามหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ. ๓ การมอบอำนาจและ มอบอำนาจช่วงดังกล่าวจึงสมบูรณ์ ม. จึงมีอำนาจแต่งตั้งทนายความยื่นฟ้องคดีนี้ และต่อมาเมื่อทนายโจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลย การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย และสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๓,๐๐๐ บาท แทนโจทก์.

Share