คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141-1157/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวกับฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยวต้องไปฟ้องเป็นคดีต่างหาก
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อผู้ให้เช่าบอกกล่าวให้ผู้เช่าออกไปจากที่เช่าแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่มีสิทธิที่จะอยู่ต่อไปโดยชอบด้วยกฎหมาย หากยังคงอยู่ต่อไปก็เป็นการละเมิดต่อผู้ให้เช่า และจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
คำให้การจำเลยมีว่า นอกจากจำเลยให้การรับโดยชัดแจ้งแล้ว จำเลยขอปฏิเสธฟ้องโจทก์ทั้งสิ้นเป็นคำปฏิเสธไม่ชัดแจ้งว่าปฏิเสธในเรื่องใด อย่างใด จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2
เมื่อการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะอ้างอิงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 ให้ผู้ให้เช่าบอกกล่าวก่อนไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าแผงและที่ดินขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากแผงพิพาท ย่อมหมายถึง ให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินที่ตั้งแผงนั้นด้วย การที่ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินที่ตั้งแผงจึงไม่เกินคำขอ หรือนอกฟ้องนอกประเด็น
เมื่อการเช่าที่ดินไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่ได้ จะอ้างว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
การงดสืบพยานนั้น เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาสั่งได้ตามควรแก่กรณีแห่งเรื่อง เพื่อให้คดีได้ดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม

ย่อยาว

คดีทั้ง ๑๘ สำนวนนี้ศาลทำการพิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของตลาดแผงลอยประตูน้ำ จำเลยได้เช่าแผงเพื่อประกอบการค้าขาย เทศบาลให้โจทก์ปรับปรุงอาคารและตลาดให้ถูกสุขลักษณะ โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญากับจำเลยและให้จำเลยส่งมอบสถานที่เช่าคืนแต่จำเลยก็เพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลและมีอำนาจฟ้องหรือไม่ ไม่รับรอง สัญญาเช่าแผงเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ต้องให้จำเลยเช่าจนตลอดชีวิตของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและเรียกค่าเช่าเพราะไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์เคยตกลงกับจำเลยยินยอมให้จำเลยเช่าต่อไปอีก ๑๐ ปี โจทก์ต้องยอมให้จำเลยรื้อแผงแล้วปลูกแผงใหม่ ให้จำเลยเช่าแผงละ ๕๐ บาทต่อเดือน มีกำหนด ๑๐ ปี
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย โดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
จำเลยทุกสำนวนอุทธรณ์ขอให้รับฟ้องแย้ง
ศาลแพ่งดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปในระหว่างอุทธรณ์ สืบตัวจำเลยได้ ๑๓ คน เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงสั่งงดสืบพยานจำเลย รวมทั้งพยานโจทก์แล้วพิพากษาว่า การเช่ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว การอยู่ต่อไปจึงเป็นการละเมิด ไม่มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างจำเลยกับโจทก์ โจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเช่า แต่เรียกค่าเสียหาย มิได้ฟ้องบังคับตามสัญญาเช่า แต่ฟ้องขับไล่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์เป็นนิติบุคคล ฟ้องคดีได้ ให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทุกสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้งและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีถูกต้องแล้ว พิพากษายืน
จำเลยทุกสำนวนเว้นแต่นายประเสริฐฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นกรณีอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมของโจทก์ จำเลยชอบที่จะไปฟ้องเป็นคดีต่างหาก การเช่าที่ดินรายนี้เป็นการเช่าธรรมดาไม่มีสัญญาต่างตอบแทน และมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะอยู่ต่อไปโดยชอบด้วยกฎหมายในเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว การที่จำเลยคงอยู่ต่อไปจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น ที่จำเลยว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธในเรื่องโจทก์บอกเลิกการเช่าเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า คำปฏิเสธของจำเลยมีว่า นอกจากจำเลยให้การรับโดยชัดแจ้งในคำให้การนี้แล้ว จำเลยขอปฏิเสธฟ้องของโจทก์ทั้งสิ้น คำปฏิเสธของจำเลยเป็นคำปฏิเสธไม่ชัดแจ้งว่าปฏิเสธในเรื่องใด อย่างใด ไม่แสดงเหตุผล ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๗ วรรค ๒ ถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การปฏิเสธการบอกเลิกสัญญาของโจทก์ และเนื่องจากการเช่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยจะอ้างอิงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๖๖ ให้ผู้เช่าต้องบอกกล่าวก่อนไม่ได้ ที่ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยฟ้องว่าจำเลยเช่าที่ดินตั้งแผงด้วยเป็นการไม่ชอบ การพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่ดินจึงเป็นการเกินคำขอ นอกฟ้องนอกประเด็นนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ยุติตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยเช่า จำเลยจะโต้เถียงว่าไม่ได้เช่าที่ดินที่ตั้งแผงไม่ได้ และฟ้องโจทก์ที่บรรยายข้อเท็จจริงมานั้นก็หมายความว่าจำเลยเช่าทั้งตัวแผงและที่ดินที่ตั้งแผง การที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากแผงที่พิพาท ย่อมหมายถึงฟ้องขับไล่ให้จำเลยออกไปจากที่ดินที่ตั้งแผงนั้นด้วย ที่ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่ตั้งแผงจึงหาเป็นการเกินคำขอหรือนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ เนื่องจากการเช่าที่ดินไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์ย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้ จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้ ส่วนเรื่องการงดสืบพยานนั้น เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาสั่งได้ตามควรแก่กรณีแห่งเรื่อง เพื่อให้คดีได้ดำเนินไปโดยรวดเร็วและยุติธรรม ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share