คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15004/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยายื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาที่ใช้ชื่อ ล. ผู้ประกันยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาดังกล่าวโดยมีประกัน ศาลชั้นต้นอนุญาต สัญญาประกันจึงมีผลสมบูรณ์ตลอดไปในระหว่างสอบสวน สัญญาประกันในคดีอาญาจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุด เว้นแต่มีการถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน ผู้ต้องหาตาย ผิดสัญญาประกัน หรือศาลสั่งยกเลิกสัญญาประกัน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 116 และมาตรา 118 ที่ผู้ประกันอ้างว่าทำสัญญาประกันไปโดยสำคัญผิดในตัวบุคคลนั้น เห็นว่า ผู้ประกันไม่ได้สำคัญผิดในตัวบุคคลเพราะผู้ประกันต้องการขอปล่อยชั่วคราวบุคคลที่ใช้ชื่อ ล. ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยายื่นคำร้องขอฝากขัง การที่ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาดังกล่าวโดยมีประกัน และศาลชั้นต้นอนุญาตจึงเป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้วว่า ศาลได้สั่งปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ใช้ชื่อ ล. โดยมีประกันตรงตามเจตนาของผู้ประกัน หาใช่ผู้ประกันสำคัญผิดในตัวบุคคลไม่ สัญญาประกันที่ผู้ประกันทำต่อศาลชั้นต้นจึงมีผลสมบูรณ์ เมื่อผู้ประกันผิดสัญญาประกันไม่ส่งตัวผู้ต้องหาดังกล่าวตามกำหนดนัด จึงต้องรับผิดตามสัญญาประกัน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2549 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยา ยื่นคำร้องฝากขังนางสาวลัดดาเป็นผู้ต้องหา กล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ระหว่างสอบสวนผู้ประกันยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนางสาวลัดดา ศาลชั้นต้นอนุญาตตีราคา 1,000,000 บาท ต่อมาผู้ประกันผิดสัญญาประกัน ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญา วันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 โจทก์ฟ้องนางสาวลัดดาเป็นจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ระหว่างนั้นผู้ประกันไม่นำเงินมาชำระค่าปรับ ศาลชั้นต้นตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 14974 ตำบลเม็งราย อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ของผู้ประกันออกขายทอดตลาด ต่อมาวันที่ 24 มิถุนายน 2553 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนางสาวลัดดาได้และนำตัวส่งศาลชั้นต้น นางสาวลัดดายื่นคำร้องว่าจำเลยในคดีนี้เป็นนางสาวแหม่ม น้องสาวนางสาวลัดดา เนื่องจากนางสาวแหม่มใช้บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของนางสาวลัดดาเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจจับผิดตัว ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า นางสาวลัดดาไม่ใช่จำเลยคดีนี้ จำเลยที่แท้จริงคือนางแหม่มหรือนางสาวแหม่ม ต่อมาโจทก์ขอแก้ฟ้องชื่อจำเลยเป็นนางแหม่มหรือนางสาวแหม่ม วันที่ 16 ตุลาคม 2557 ผู้ประกันยื่นคำร้องว่า ผู้ประกันมีเจตนาประกันตัวนางสาวลัดดา ไม่ได้เจตนาประกันตัวนางแหม่ม สัญญาประกันที่ทำไว้ต่อศาลจึงไม่มีผลผูกพันผู้ประกันอีกต่อไป การขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันและคืนทรัพย์หลักประกันแก่ผู้ประกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ประกันทำสัญญาประกันตัวจำเลยคดีนี้ ไม่ว่าจำเลยจะมีชื่อว่าอย่างไร ผู้ประกันก็ย่อมผูกพันตามสัญญาประกัน เมื่อยังไม่สามารถจับกุมจำเลยได้ จึงไม่มีเหตุของดการบังคับคดีหรือเพิกถอนการขายทอดตลาด ยกคำร้อง
ผู้ประกันอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ประกันว่า มีเหตุที่จะงดขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันและคืนทรัพย์หลักประกันให้แก่ผู้ประกันหรือไม่ โดยผู้ประกันฎีกาว่า ผู้ประกันเข้าใจว่าได้ขอประกันตัวนางสาวลัดดา เมื่อนางสาวลัดดาไม่ได้เป็นผู้ต้องหาที่กระทำความผิดต้องถือว่าผู้ประกันสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม มีผลทำให้สัญญาประกันตกเป็นโมฆะไม่มีผลตามกฎหมาย ผู้ประกันจึงไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่า ขณะที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยา ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาที่ใช้ชื่อนางสาวลัดดา ผู้ประกันยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาดังกล่าวโดยมีประกัน ศาลชั้นต้นอนุญาต สัญญาประกันดังกล่าวจึงมีผลสมบูรณ์ตลอดไปในระหว่างสอบสวน สัญญาประกันในคดีอาญาจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สุด เว้นแต่มีการถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน ผู้ต้องหาตาย ผิดสัญญาประกัน หรือศาลสั่งยกเลิกสัญญาประกัน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116 และมาตรา 118 ที่ผู้ประกันอ้างว่าทำสัญญาประกันไปโดยสำคัญผิดในตัวบุคคลนั้น เห็นว่า ผู้ประกันไม่ได้สำคัญผิดในตัวบุคคลเพราะผู้ประกันต้องการขอปล่อยชั่วคราวบุคคลที่ใช้ชื่อนางสาวลัดดา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยายื่นคำร้องขอฝากขัง การที่ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาดังกล่าวโดยมีประกันและศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตจึงเป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้วว่า ศาลได้สั่งปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ใช้ชื่อนางสาวลัดดาโดยมีประกันตรงตามเจตนาของผู้ประกัน หาใช่ผู้ประกันสำคัญผิดในตัวบุคคลที่ผู้ประกันกล่าวอ้างไม่ สัญญาประกันที่ผู้ประกันทำต่อศาลชั้นต้นจึงมีผลสมบูรณ์ เมื่อผู้ประกันผิดสัญญาประกันไม่ส่งตัวผู้ต้องหาดังกล่าวตามกำหนดนัด จึงต้องรับผิดตามสัญญาประกัน กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะงดการขายทอดตลาดทรัพย์หลักประกันและคืนทรัพย์หลักประกันให้แก่ผู้ประกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ประกันฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share