แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีลักษณะบังคับจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามไว้ล่วงหน้า หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามสัญญาแล้ว โจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับและค่าธรรมเนียมจากจำเลยที่ 2 ในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน นั้น โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันด้วยความสมัครใจและเป็นเบี้ยปรับ หากกำหนดกันไว้สูงเกินส่วนศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 383 วรรคหนึ่ง หาเป็นข้อสัญญาหรือข้อตกลงให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด อันจะถือว่าเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาตรา 4
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินตามสัญญาให้การสนับสนุนปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันบอกเลิกสัญญาถึงวันฟ้อง และชำระเงินค่าปรับกรณีที่ซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่ำกว่าเกณฑ์พร้อมค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน ถึงวันฟ้องรวมทั้งสิ้นจำนวน 5,105,024.14 บาท พร้อมค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน ของต้นเงิน 1,185,507.40 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 2,480,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 3,288,183.83 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 2,480,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ (ฟ้องวันที่ 25 ตุลาคม 2550) กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เพียงเท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่าปัญหาแรกที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า ที่จำเลยทั้งสองโต้แย้งคือ หนังสือมอบอำนาจช่วง ระบุชื่อผู้ถูกฟ้องว่า บริษัทกาญจนลักษณ์ปิโตรเลียม จำกัด ซึ่งมิใช่ชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กาญจนลักษณ์ปิโตรเลียม จำเลยที่ 1 ในคดีนี้ แต่ในปัญหานี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้วินิจฉัยไว้ชัดแจ้งว่า เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยและจำเลยทั้งสองก็รับว่าได้เข้าทำสัญญากับโจทก์จริง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ซึ่งมีความหมายว่า คดีไม่มีการฟ้องผิดตัว ดังนั้น ข้อที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นในอุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งสองยอมรับว่าทำสัญญากับโจทก์จริงแต่มิได้ยอมรับในหนังสือมอบอำนาจช่วง จึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาต่อไปที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น เห็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้วินิจฉัยไว้ชัดแจ้งแล้วว่า โจทก์ได้แสดงรายละเอียดหนี้ค่าปรับและแสดงการคิดคำนวณเงินค่าปรับมาให้ตามเอกสารใบสรุปค่าปรับต่ำกว่ายอดรับรองและเอกสารการคิดเงินคืนและค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยเงินสนับสนุนปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการ เมื่อไม่ปรากฏว่าระหว่างพิจารณาจำเลยทั้งสองได้โต้แย้งว่าไม่เข้าใจฟ้องโจทก์อย่างไร ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ข้อที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นในอุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งสองไม่ทราบว่าโจทก์คิดคำนวณเงินอีกส่วนหนึ่งจากเงินในส่วนใดที่เมื่อคิดคำนวณรวมแล้วได้เป็นยอดเงินตามคำฟ้องคือ 5,185,437 บาท จึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายมีว่า จำเลยทั้งสองต้องรับผิดร่วมกันคืนเงินตามสัญญาให้การสนับสนุนปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการพร้อมดอกเบี้ย กับชำระเงินค่าปรับกรณีที่ซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่ำกว่าเกณฑ์แก่โจทก์หรือไม่และเพียงใด จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า สัญญาผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมฉบับลงวันที่ 1 เมษายน 2537 สัญญาให้การสนับสนุนการปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2543 และสัญญาผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมฉบับลงวันที่ 23 มิถุนายน 2547 รวม 3 ฉบับ เป็นสัญญาสำเร็จรูปและเงื่อนไขเรื่องค่าปรับตามสัญญาเป็นข้อตกลงที่ทำให้ผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม จำเลยทั้งสองเห็นด้วย แต่เมื่อความสมบูรณ์ของสัญญาไม่มีอยู่แล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกร้องต่อจำเลยที่ 1 อย่างสิ้นเชิงนั้น เห็นว่า ตามสำเนาใบแจ้งหนี้ 1 ชุด รายละเอียดหนี้ค่าปรับต่ำกว่ายอดรับรองของสัญญาพร้อมค่าธรรมเนียมในการผิดนัดชำระหนี้ และเอกสารการคิดเงินและค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยเงินสนับสนุนปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการ เป็นการคำนวณยอดหนี้การผิดสัญญาที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2543 ถึง 2548 จึงเป็นกรณีการกล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาตามสัญญาให้การสนับสนุนการปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2543 และสัญญาผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมฉบับลงวันที่ 23 มิถุนายน 2547 เท่านั้น มิได้เกี่ยวข้องกับสัญญาผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมฉบับลงวันที่ 1 เมษายน 2537 แต่อย่างใด จึงคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยก่อนแต่เพียงว่า เงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีลักษณะบังคับจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามไว้ล่วงหน้า เป็นข้อตกลงที่ทำให้ผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูปได้เปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควร จึงเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ เห็นว่า เงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีลักษณะบังคับจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามไว้ล่วงหน้า หากจำเลยที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามสัญญาแล้ว โจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับและค่าธรรมเนียมจากจำเลยที่ 1 ในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนนั้น เงื่อนไขดังกล่าวโจทก์จำเลยที่ 1 ตกลงกันด้วยความสมัครใจและยังเป็นเบี้ยปรับ หากกำหนดกันไว้สูงเกินส่วนศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง จึงหาเป็นข้อสัญญาหรือข้อตกลงให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดหรือรับภาระมากกว่าที่กฎหมายกำหนด อันจะถือว่าเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาตรา 4 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อพิเคราะห์ถึงข้อสัญญาข้อ 9 ที่กำหนดให้จำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี หากชำระเงินคืนแก่โจทก์ล่าช้า และข้อ 6.3 ที่กำหนดให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าปรับและค่าธรรมเนียมอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน หากชำระค่าปรับแก่โจทก์ล่าช้าตามสัญญาให้การสนับสนุนการปรับปรุงรูปแบบสถานีบริการ จึงเป็นการที่จำเลยที่ 1 สัญญาแก่โจทก์ไว้ล่วงหน้าว่า จำเลยที่ 1 จะชดใช้ค่าเสียหายกรณีที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้ จึงเป็นเบี้ยปรับอันศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นว่า ดอกเบี้ย ค่าปรับ และค่าธรรมเนียมอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน ดังกล่าวนั้นสูงเกินส่วนและเป็นการซ้ำซ้อนกับดอกเบี้ยผิดนัดตามที่ศาลมีอำนาจพิพากษาให้แก่โจทก์ได้กรณีเป็นหนี้เงิน ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี อันเป็นการลดค่าปรับลงกึ่งหนึ่ง และไม่ต้องรับผิดค่าธรรมเนียมอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนเสียทั้งหมดนั้น มีเหตุอันสมควรและเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้นแต่อย่างใด
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ