แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องระบุชื่อ กรรมการของบริษัททั้ง 6 คน และบรรยายฟ้องด้วย ว่ากรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้ คือ กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท การฟ้องคดี นี้บริษัทโจทก์โดย ส. กับ ว. กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญมอบอำนาจให้ ธ. เป็นโจทก์ แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครมาแสดงว่ากรรมการกี่คนมีอำนาจทำแทนบริษัทได้ ก็ตาม แต่ เมื่อโจทก์ได้ระบุในฟ้อง และนำสืบแล้ว จึงถือ ได้ ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้อง คดีนี้แล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล โดยนายสมชาย เบญจรงคกุลกับนายวิวัฒน์ นาคปนันท์ กรรมการสองคนลงลายมือชื่อประทับตราสำคัญมอบอำนาจให้นายสุธรรม ไชยสุวรรณ เป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 1ขับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 บุพการีของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองโดยประมาทชนรถโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ฟ้องโจทก์บรรยายว่า กรรมการของบริษัทมี 6 คนตามรายชื่อเอกสารท้ายฟ้อง แต่ไม่มีข้อความจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้ แม้หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีจะระบุว่าบริษัทโจทก์โดยนายสมชาย เบญจรงคกุล กับนายวิวัฒน์นาคปนันท์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำแทนมอบอำนาจให้นายสุธรรมไชยสุวรรณ เป็นโจทก์ฟ้องก็ตาม เมื่อหนังสือรับรองไม่มีข้อความจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัท จึงฟังไม่ได้ว่าบริษัทโจทก์ได้มอบอำนาจให้ฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ระบุชื่อกรรมการของบริษัททั้ง 6 คนตามเอกสารท้ายฟ้องแล้ว และบรรยายในฟ้องด้วยว่ากรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือ กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท การฟ้องคดีนี้บริษัทโจทก์โดยนายสมชาย เบญจรงคกุลกับนายวิวัฒน์ นาคปนันท์ กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญมอบอำนาจให้นายสุธรรม ไชยสุวรรณ เป็นโจทก์ฟ้องและดำเนินคดีแทนตามภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ศาลฎีกาเห็นว่าหนังสือรับรองการจดทะเบียนดังที่ปรากฏท้ายฟ้อง มิได้มีข้อจำกัดอำนาจของกรรมการไว้ ผู้ลงชื่อแทนโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจก็เป็นกรรมการของบริษัทและประทับตราสำคัญของบริษัทแล้ว หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจึงมีผลใช้บังคับได้แม้โจทก์ไม่มีหนังสือรับรองของสำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร มาแสดงว่ากรรมการกี่คนมีอำนาจทำการแทนบริษัทได้ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ระบุในฟ้องและนำสืบแล้วว่ากรรมการที่จะลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือ กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท ซึ่งไม่ขัดกับหนังสือรับรองการจดทะเบียนท้ายฟ้อง ทั้งฝ่ายจำเลยก็มิได้เข้ามาในคดีและโต้แย้งว่าไม่ถูกต้องอย่างใด หากศาลสงสัยว่าใบมอบอำนาจนั้นกระทำโดยผู้ไม่มีอำนาจกระทำแทนโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้โจทก์ส่งหนังสือรับรองอำนาจจัดการของโจทก์ของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครต่อศาลได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66 ตามหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเอกสารหมาย จ.2 ถือได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้แล้ว คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ตามรูปคดี.