แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การชำระค่าเช่า จำเลยได้ส่งให้แก่บุคคลที่ 3 เป็นกิจวัตรตลอดมา โจทก์หรือภรรยาโจทก์มารับเอาไปจากบุคคลที่ 3 เป็นคราว ๆ ไป ดังนี้ กรณีเป็นที่ประจักษ์ว่า แม้จะไม่มีการตกลงกันโดยชัดแจ้งในการชำระหนี้ค่าเช่านี้ก็ดี แต่กริยาอาการที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ปฏิบัติต่อกันจนเป็นปกติกิจนั้น ย่อมแสดงได้ว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงกันโดยปริยายถึงวิธีการชำระหนี้ให้เป็นไปตามวิถีนั้น เมื่อโจทก์ไม่ไปรับค่าเช่าจากบุคคลที่ 3 นั้นเองเช่นที่เคยปฏิบัติมาแล้ว จะถือว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้เช่าตึกแถวของโจทก์ประกอบการค้าสิ่งของต่าง ๆ โดยมิได้ทำสัญญาเช่าต่อกัน จำเลยไม่ดูแลรักษาตึกที่เช่า ปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรมมาก ทั้งยังผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าตลอดมาเป็นเวลา ๑๐ เดือนเศษ โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่าเช่าอยู่จริงเพื่ออยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ และจำเลยเคยซ่อมแซมตึกรายนี้มิได้ปล่อยให้ทรุดโทรม และไม่ได้ผิดนัดชำระค่าเช่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยได้อาศัยอยู่ในตึกที่เช่ารายนี้ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ๒๔๘๙ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เพียงข้อเดียวในเรื่องค่าเช่า ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่เป็นฝ่ายผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่า พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลล่างฟังมาว่า การชำระค่าเช่าตึกรายพิพาทนี้ บิดาจำเลยและจำเลยได้ส่งให้แก่หลวงอรรถไกรวัลวทีเป็นกิจวัตรตลอดมา แล้วตัวโจทก์หรือภรรยาโจทก์มารับเอาไปจากหลวงอรรถไกรวัลวทีเป็นคราว ๆ ไป ดังนี้ กรณีจึงเป็นที่ประจักษ์ว่า แม้จะไม่ได้มีการตกลงโดยชัดแจ้งในการชำระหนี้ค่าเช่านี้ก็ดี แก่กิริยาอาการที่เจ้าหนี้ลูกหนี้ปฏิบัติต่อกันจนเป็นปกติกิจนั้น ย่อมแสดงได้ว่า โจทก์และจำเลยได้ตกลงกันโดยปริยายถึงวิธีการชำระหนี้ให้เป็นไปตามวิถีนั้น
พิพากษายืน