คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 และขายทอดตลาดได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2545 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2545 จึงเกินระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันที่มีการขายทอดตลาด แม้โจทก์นำยึดสิ่งของต่าง ๆ ของจำเลยภายในบ้านเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544 อีกคราวหนึ่งและไม่ได้มีการขายทอดตลาดก่อนที่ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ ผู้ร้องก็มีสิทธิเฉลี่ยทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของจำเลยภายในบ้านได้ แต่ผู้ร้องมิได้กล่าวไว้ในคำร้องและมิได้มีคำขอเฉลี่ยทรัพย์สิ่งของดังกล่าวมาในท้ายคำร้องด้วย ศาลฎีกาจึงไม่อาจมีคำสั่งให้ผู้ร้องเฉลี่ยทรัพย์สิ่งของภายในบ้านได้ เป็นการเกินคำขอ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,010,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 800,000 บาท นับแต่วันที่ 19 เมษายน 2544 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้โจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี และนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลย โฉนดเลขที่ 37198 ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 และยึดสิ่งของต่าง ๆ ของจำเลยภายในบ้านเลขที่ 153/9 ถนนพัฒนาการคูขวาง ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544 เพื่อขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาตามยอมของศาลชั้นต้นจำนวนเงิน 230,000 บาท แต่จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี และนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 37198 ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ปรากฏว่าโจทก์ได้นำยึดไว้ก่อนแล้ว จึงขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ได้นำยึดไว้ด้วย
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 37198 ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช และขายทอดตลาดได้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2545 ผู้ร้องยื่นคำร้องเพื่อขอเฉลี่ยนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2545 จึงเกินเวลา 14 วัน ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสี่ แล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,010,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 800,000 บาท นับแต่วันที่ 19 เมษายน 2544 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือนเดือนละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2544 เป็นต้นไป หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งถือว่าจำเลยผิดนัดชำระหนี้ทั้งหมด และยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที ต่อมาจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี และนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 37198 ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 และยึดสิ่งของต่าง ๆ ของจำเลยภายในบ้านเลขที่ 153/9 ถนนพัฒนาการคูขวาง ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544 เพื่อขายทอดตลาด ปรากฏว่านางสาวบุญยืน บุญแสวง เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินดังกล่าวได้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2545 ในราคา 242,000 บาท ตามสำเนารายงานเจ้าหน้าที่เอกสารหมาย ค.1 คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดในคดีนี้ได้หรือไม่เพียงใด เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินอย่างใดของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ห้ามไม่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีก แต่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นว่านี้มีอำนาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลที่ออกหมายบังคับให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้…” และวรรคสี่ (เดิม) บัญญัติว่า “ในกรณีที่ยึดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาดหรือจำหน่ายโดยวิธีอื่น คำขอเช่นว่านี้ให้ยื่นก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้น” เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 37198 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 และขายทอดตลาดให้แก่นางสาวบุญยืน ผู้ประมูลซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2545 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2545 จึงเกินระยะเวลา 14 วัน นับแต่วันที่มีการขายทอดตลาด นอกจากนี้แม้จะได้ความว่าโจทก์นำยึดสิ่งของต่าง ๆ ของจำเลยภายในบ้านเลขที่ 153/9 ถนนพัฒนาการคูขวาง ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544 อีกคราวหนึ่งและไม่ปรากฏว่าได้มีการขายทอดตลาดก่อนที่ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิเฉลี่ยทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของจำเลยภายในบ้านเลขที่ 153/9 ได้ก็ตาม แต่ผู้ร้องมิได้กล่าวไว้ในคำร้องและมิได้มีคำขอเฉลี่ยทรัพย์สิ่งของดังกล่าวมาในท้ายคำร้องด้วย ศาลฎีกาจึงไม่อาจมีคำสั่งให้ผู้ร้องเฉลี่ยทรัพย์สิ่งของจำเลยภายในบ้านเลขที่ 153/9 ได้ เพราะเป็นการเกินคำขอ ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share