คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของร่วมเพียงคนเดียวไปทำสัญยาจะขายที่ดินให้แก่เขาหมดทั้งแปลงโดยมิได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม คนอื่น ๆนั้น สัญญาจะซื้อขายนั้นย่อมผูกพันเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วมผู้ทำสัญญาจะขายเท่านั้น ไม่ผูกพันส่วนของ เจ้าของร่วมคนอื่นด้วย.
ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้ทั้งแปลงตามสัญญา เมื่อปรากฎว่าที่ดินนั้นมีผู้อื่นเป็นเจ้าของร่วมด้วยอีกหลายคน จะให้ โอนทั้งแปลงไม่ได้ ได้แต่โอนเฉพาะส่วนของจำเลยเท่านั้น ดังนี้ เมื่อคดีไม่ปรากฎว่าส่วนของจำเลยมีอยู่เท่าใด ศาล ก็จะพิพากษาให้แบ่งไป ไม่ได้ ได้แต่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียเท่านั้นแต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องร้องว่า กล่าวเป็นเรื่องใหม่./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ ๑ แปลง แล้วบิดพลิ้วไม่ปฏิบัติตามสัญญา จึงขอให้ศาล บังคับให้จำเลยโอนขายที่ให้โจทก์ตามสัญญา
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ผิดสัญญาเอง
ในระหว่างพิจารณา จำเลยในฐานะเป็นมารดาและผู้ปกครองนางสาวหลง นายทา ด.ญ.ลา กับนางนา พุทธจันทร์ ยื่นคำ ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยอ้างว่า ที่พิพาทเป็นของนายเอี่ยมและนางอึ่งจำเลย บิดามารดาผู้ร้องนายเอี่ยมวายชนม์แล้ว จำเลยกับผู้ร้องจึงเป็นทายาทรับมรดกเป็นเจ้าของร่วมกันมา โจทก์ไม่มีสิทธิจะบังคับให้ขาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อปรากฎว่านาแปลงนี้เป็นของจำเลยกับนายเอี่ยมสามี มีบุตรด้วยกันหลายคน ยังมิได้บรรลุนิติภาวะ ก็มี ซึ่งเป็นผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลย แต่นายเอี่ยมตายเสียเมื่อหลายปีแล้ว ยังมิได้แบ่งปันกัน นางอึ่งจำเลยแต่ผู้เดียว ย่อมไม่มีสิทธิที่จะเข้าทำสัญญาผูกพันธ์ขายที่ทั้งแปลง โดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นเจ้าของร่วม แต่อย่างไรก็ดี ย่อม ผูกพันส่วนของจำเลยตามมาตรา ๑๓๖๑ เฉพาะคดีนี้ ไม่ปรากฎว่าจำเลยมีส่วนในที่พิพาทเท่าใดแน่ จะจัดแบ่งในเวลานี้ ยังไม่ถนัด จึงพิพากษายืนในข้อยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์จะฟ้องเป็นเรื่องใหม่./

Share