คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 จ้างรถยนต์โจทก์ชนไม้ท่อนเพื่อนำมาใช้ในกิจการโรงเลื่อยจักรของจำเลยที่2 จำเลยตกลงให้ค่าจ้างคิดเป็นเนื้อไม้ลูกบาศก์เมตรละ 85 บาท คำฟ้องของโจทก์ดังนี้เป็นคำฟ้องซึ่งแสดงสภาพข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์พอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แจ้งชัด ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน

คดีดำที่ 216/2507 นายสมิทธิ์ฟ้องว่า ได้ว่าจ้างนางเพรียงพันธ์ขนไม้ท่อนนางเพรียงพันธ์ได้ยืมเงินล่วงหน้าไปก่อนเป็นค่าใช้จ่าย10,000 บาท นางเพรียงพันธ์ไม่ขนไม้ นายสมิทธิ์จึงบอกเลิกสัญญาและให้นางเพรียงพันธ์คืนเงิน 10,000 บาท นางเพรียงพันธ์ไม่คืน จึงฟ้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมด้วยดอกเบี้ย

นางเพรียงพันธ์ให้การว่า ไม่เคยยืมและไม่เคยรับเงิน

คดีดำที่ 217/2507 นางเพรียงพันธ์กลับเป็นโจทก์ฟ้องนายสมิทธิ์นายวีระคมว่า นายสมิทธิ์เป็นตัวแทนหรือลูกจ้างนายวีระคม ได้ว่าจ้างรถยนต์ของนางเพรียงพันธ์บรรทุกไม้ท่อนเพื่อนำไปใช้ในกิจการของโรงเลื่อยจักรของนายวีระคมเป็นเงินค่าจ้าง 9,635 บาท นายสมิทธิ์ไม่ชำระ นอกจากนี้นายสมิทธิ์ได้เช่ารถยนต์บรรทุกไปขนไม้ของนายวีระคม คิดค่าเช่ารวมเป็นเงิน 10,800 บาท ขอให้นายสมิทธิ์นายวีระคมร่วมกันรับผิดใช้เงินค่าจ้างและค่าเช่าดังกล่าว

นายสมิทธิ์ นายวีระคมให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้นายสมิทธิ์ชำระค่าจ้างขนไม้ 9,435 บาท ให้นางเพรียงพันธ์ และให้นางเพรียงพันธ์ชำระเงินยืม10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่นายสมิทธิ์

นางเพรียงพันธ์และนายสมิทธิ์อุทธรณ์ทั้งสองฝ่าย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

คู่ความทั้งสองฝ่ายฎีกา และนายสมิทธิ์ฎีกาด้วยว่าฟ้องของนางเพรียงพันธ์เคลือบคลุม

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยจ้างรถยนต์โจทก์ขนไม้ท่อนที่ป่าวังป่าลึงก์ถึงอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อนำมาใช้ในกิจการโรงเลื่อยจักรโชติกพานิชของนายวีระคมจำเลยที่ 2 จำเลยตกลงให้ค่าจ้างคิดเป็นเนื้อไม้ลูกบาศก์เมตรละ85 บาท ศาลฎีกาเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนี้เป็นคำฟ้องซึ่งแสดงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์พอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้แจ้งชัด ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรค 2 แล้ว ส่วนอัตราค่าจ้างขนโจทก์มิได้ประมาณเอาดังที่จำเลยอ้างในฎีกาคำฟ้องของโจทก์จึงมิได้เคลือบคลุมแต่ประการใด

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษายืน

Share