คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ไม่ยอมลงลายมือชื่อ เพื่อแสดงการรับรู้รายงานกระบวนพิจารณาของศาล ไม่ทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไปเพราะศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ไว้ในรายงานกระบวนพิจารณานั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 50(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบริเวณสถานีรถไฟ ห้ามมิให้เข้าไปตั้งร้านขายอาคารในบริเวณที่โจทก์เช่า ต่อมามีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมออกจากเขตสถานีรถไฟตามเครื่องหมายเส้นทะแยงในเอกสารหมาย 2 ท้ายฟ้อง ศาลพิพากษาตามยอม

ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลหมายเรียกจำเลยมาสอบถาม ถึงวันนัดศาลสอบถามโจทก์จำเลย จดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 แล้วสั่งว่าระหว่างเส้นสีดำและเส้นสีน้ำเงินตามที่โจทก์แถลงว่าจำเลยเข้าไปตั้งร้านขายอาคาร ไม่มีเครื่องหมายเส้นทะแยงจำเลยจึงไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญายอมให้ยกคำร้องโดยไม่จำต้องทำการไต่สวนในรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าว จำเลยลงลายมือชื่อแต่โจทก์ไม่ยอมลงลายมือชื่อ ศาลบันทึกไว้ และในวันนั้นโจทก์ยื่นคำแถลงว่า ภายในเส้นทะแยงมีขอบเขตถึงถนน เส้นขนานคู่แสดงถึงรางน้ำข้างถนน ศาลบันทึกในคำแถลงนี้ว่าเป็นเพียงคำอธิบายคำแถลงเดิม รับรวมสำนวนไว้

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาโต้แย้งรายงานกระบวนพิจารณาของศาลลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 ตามที่ศาลจดบันทึกไว้ ว่าผิดไปจากคำแถลงของโจทก์จึงมีปัญหาว่ารายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกนั้นชอบหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่ศาลหมายเรียกจำเลยก็เพื่อสอบถามตามคำร้องของโจทก์และได้ความว่านอกจากจำเลยคดีนี้แล้ว ยังมีจำเลยรวมด้วยกันถึง 9 สำนวนที่ศาลได้เรียกมาสอบถามในเรื่องทำนองเดียวกันนี้ ได้มีการสอบถามต่อหน้าคู่ความในประเด็นตามคำร้องของโจทก์ จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่โจทก์จะมาปฏิเสธอ้างว่ามิได้เคยแถลงต่อศาลในภายหลัง การที่โจทก์ไม่ยอมลงลายมือชื่อ เพื่อแสดงการรับรู้รายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 ไม่ทำให้รายงานกระบวนพิจารณานั้นเสียไป เพราะศาลได้จดแจ้งเหตุที่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ไว้ในรายงานกระบวนพิจารณานั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 50(2)

พิพากษายืน

Share