แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ฎีกาของจำเลยที่ 3 แล้วเห็นว่า ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริงปรากฎว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ไม่เกิน 5 ปี จำเลยที่ 3 ไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจากผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยที่ 3 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 3 เห็นว่า ฎีกาข้อ 3 ที่ว่า การกระทำของจำเลยที่ 3 ไม่เป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 และ ฎีกาข้อ 5 ที่ว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า คนร้ายไม่ได้รับเงินแต่ถูกจับเสียก่อน จึงเป็นการกระทำเพียงฐานพยายามไม่เป็นความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 และมาตรา 149 นั้นล้วนเป็นปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น ประกอบกับผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 3 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเฉพาะฎีกาข้อ 2 และข้อ 4 มิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับฎีกาข้อ 3 และข้อ 5 ซึ่งเป็นข้อกฎหมายแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งรับฎีกาข้อ 3 และข้อ 5 ของจำเลยที่ 3 ด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1, ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,86 จำคุกคนละ 5 ปี และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 คนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 6 ปี จำเลยที่ 1, ที่ 2, ที่ 4 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 จำคุก 5 ปี และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 จำคุก 3 เดือน รวมจำคุก5 ปี 3 เดือน จำเลยที่ 3 รับสารภาพลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 3 ปี 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 106 แผ่นที่ 2)
จำเลยที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 110)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ไม่เกิน 5 ปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยที่ 3 ฎีกาในข้อ 3 ว่า จำเลยที่ 3ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 กระทำความผิดและฎีกาในข้อ 5 ว่า คนร้ายไม่ได้รับเงินแต่ถูกจับเสียก่อน เป็นการกระทำเพียงฐานพยายามไม่เป็นความผิดสำเร็จนั้นล้วนเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามฎีกา ตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 3 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง