แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าซื้อจักรเย็บผ้า 1 หลัง จากบริษัทซิงเกอร์โซอิงแมชีน จำเลยต้องส่งเงินค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือน ได้ผ่อนชำระมาบ้างแล้ว ที่เหลือจำเลยไม่ยอมชำระ และจำเลยได้นำเอาจักรดังกล่าวไปจำนำเสียที่สถานธนานุบาล โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเบียดบังเอาจักรเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้ พอแปลความหมายได้ว่าจำเลยเบียดบังเอาจักรเป็นของตนโดยทุจริต อันเป็นองค์สำคัญในความผิดทางอาญาฐานยักยอกแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำผิดทางอาญาฐานยักยอกโดยสมบูรณ์ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาแล้ว ศาลก็ลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๖ จำเลยเช่าซื้อจักรเย็บผ้ายี่ห้อซิงเกอร์ ราคา ๔,๐๘๐ บาท จากบริษัทซิงเกอร์โซอิงแมชีน สาขานครราชสีมา โดยจำเลยต้องส่งเงินค่าเช่าซื้อเป็นรายเดือนเดือนละ ๑๒๐ บาท จำเลยผ่อนชำระมาแล้ว ๙๖๐ บาทคงเหลือ ๓,๑๒๐ บาท จำเลยไม่ยอมชำระ และจำเลยได้นำเอาจักรหลังดังกล่าวไปจำนำเสียที่สถานธนานุบาลจังหวัดนาครราชสีมาเป็นเงิน ๑,๔๐๐ บาท ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเดือนแรกทีจำเลยเริ่มเช่าซื้อ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเบียดบังเอาจักรนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒
จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ไม่ต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าคำบรรยายฟ้องเป็นเรื่อง+ในทางแพ่ง คดีไม่เป็นยักยอก+
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำบรรยายฟ้องครบองค์ความผิดฐานยักยอกแล้ว เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ไม่ต่อสู้คดีอย่างใด ก็ต้องมีความผิดฐานยักยอก พิพากษากลับว่าจำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๓๕๒ จำคุก ๖ เดือน ลดรับสารภาพกึ่งตามาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว อันสัญญาเช่าซื้อนั้น คือสัญญาเช่าที่เจ้าของทรัพย์สินให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้น หรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราววในเรื่องนี้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่ายังชำระเงินให้ไม่ครบกรรมสิทธิ์ในจักรที่เช่ายังเป็นของบริษัทซิงเกอร์โซอิงแมชีน จำกัด ผู้ให้เช่าอยู่ ในระหว่างนั้นจำเลยครอบครองจักรไว้ในฐานะผู้เช่า การที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าแล้วนำจักรไปจำนำเสียนั้น เป็นผิดสัญญาทางแพ่งก็จริงอยู่ แต่มิใช่ว่าการผิดสัญญาทางแพ่งเช่นนี้ไม่อาจจะเป็นผิดในทางอาญาเสียเลยทีเดียวก็หาไม่ หากว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเสียก็ย่อมเป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอกอีกด้วย ตามนัยฎีกา ๑๑๖๕/๒๔๖๘ โจทก์กล่าวความมาในฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกเบียดบังเอาจักรเป็นของตนโดยทุจริต อันเป็นองค์สำคัญในความผิดทางอาญาฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒ แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ยืนยันข้อเท็จจริงหว่า จำเลยได้กระทำความผิดทางอาญาฐานยักยอกโดยสมบูรณ์ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาแล้ว จะฟังข้อเท็จจริงเป็นอื่น
เป็นต้นว่าจำเลยไม่ทุจริตหรือจำเลยไม่เบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตนไม่ได้ จำเลยมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน