แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ในชั้นแรก ผู้เช่าจะใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อผู้เช่าได้ใช้ตึกพิพาทเป็นที่ประกอบการค้าแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ และโดยที่เรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลจึงย่อมวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวจากโจทก์เพื่อใช้ประกอบการค้า โดยใช้เป็นโรงงานทำขนมปังและที่ขายสุราอาหารครบกำหนดการเช่า จำเลยยังคงใช้ที่เช่า ต่อมาเป็นการเช่าไม่มีกำหนดเวลา จำเลยก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่นในที่เช่า โจทก์บอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การต่อสู้ปฏิเสธฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยาน พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากสถานที่เช่าของโจทก์และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากยืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้หากความจริงจะเป็นดังที่จำเลยอ้างว่า เดิมใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยด้วยก็ตาม แต่เมื่อต่อมาจำเลยได้ใช้ตึกพิพาททำการค้าสมกับข้อความในสัญญาเช่า แต่ได้มีการเสียเงินกินเปล่าให้โจทก์ด้วย ก็เห็นได้ว่าวัตถุประสงค์แห่งการเช่าตึกพิพาทของจำเลยได้เปลี่ยนไปเป็นเพื่อประกอบการค้าแล้ว ดังนี้ จะฟังว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่ออยู่อาศัยหาได้ไม่ จำเลยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.๒๕๐๔ ตามฎีกาของจำเลย และประเด็นข้อนี้เป็นปํญหาข้อกฎหมายศาลย่อมวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย