คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2493 มาตรา 15(7) บัญญัติถึงลักษณะคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรว่า ‘มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นคนอันธพาลหรือเป็นคนที่น่าจะก่อเหตุร้าย. หรืออันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชนหรือราชอาณาจักร’. แต่โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงในคำฟ้องให้เห็นว่า ผู้โดยสารที่จำเลยนำมากับเครื่องบินเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะเช่นนั้น. โจทก์กล่าวหาในฟ้องแต่ประการเดียวว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร. เพราะมีเชื้อชาติรูเมเนียในเครือของประเทศคอมมิวนิสต์. ซึ่งไม่มีสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับประเทศไทย. ข้อกล่าวหาของโจทก์จึงมิได้แสดงว่า ผู้โดยสารคนนั้นเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 15(7)แต่อย่างใด.
หนังสือของกองตรวจคนเข้าเมืองถึงบริษัทการบินทุกบริษัทมีความว่า. ขอมิให้รับบุคคลสัญชาติของประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยหรือคนของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์. และไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยเข้ามาในราชอาณาจักร. หรือเดินทางต่อไปประเทศอื่น. เป็นเพียงการขอความร่วมมือ. ดังนั้น การที่บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับนี้. หรือการที่จำเลยรับบุคคลดังกล่าวนี้มากับเครื่องบินของจำเลยมาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ เพื่อบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย. โดยไม่ต้องด้วยหนังสือขอความร่วมมือ. จึงหาเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างใดไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นกัปตันเครื่องบิน ได้นำเอาบุคคลในเครือของประเทศคอมมิวนิสต์ ไม่มีสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับประเทศไทย เป็นบุคคลต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรให้เข้ามาในราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2493 มาตรา 15(7), 62 และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยไม่ได้ช่วยเหลืออุปการะให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่นางโรเซ็นสไวด์ เทเลเซีย มาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ และเข้าพักในห้องผ่านของสนามบินเพื่อเดินทางต่อไป ถือได้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว ข้อตกลงการบินพลเรือนก่อสร้างเขตอิสระ (FREE ZONE) ติดต่อกับท่าอากาศยานอิสระ เป็นเพียงข้อตกลงระหว่างประเทศที่เป็นภาษีในการจัดสรรระเบียบเพื่อความสะดวกแก่การดำเนินการบินพลเรือนเท่านั้น หาเป็นเหตุถึงกับจะถือว่าเขตอิสระไม่อยู่ในราชอาณาจักรไม่ ปัญหาว่านางโรเซ็นสไวด์ เทเลเซียเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ โจทก์กล่าวหาในฟ้องแต่ประการเดียวว่า นางโรเซ็นสไวด์ เทเลเซีย เป็นคนต่างด้าวที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรเพราะมีเชื้อชาติรูเมเนียในเครือของประเทศคอมมิวนิสต์ซึ่งไม่มีสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตกับประเทศไทยข้อกล่าวหาของโจทก์ดังนี้มิได้แสดงว่านางโรเซ็นสไวด์ เทเลเซียเเป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 15 อย่างใดเลยมาตรา 15(7) ที่โจทก์ระบุมาในคำขอท้ายฟ้องซึ่งบัญญัติว่า “มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นคนอันธพาลหรือเป็นคนที่น่าจะก่อเหตุร้ายหรืออันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชนหรือราชอาณาจักร”โจทก์ก็เพียงแต่ระบุอ้างมาตราในกฎหมาย มิได้บรรยายข้อเท็จจริงในคำฟ้องให้เห็นว่านางโรเซ็นสะไวด์ เทเลเซีย เป็นคนต่างด้าวที่มีลักษณะเช่นนั้น แม้นางโรเซ็นสไวด์ เทเลเซีย จะเป็นผู้ที่มีลักษณะไม่ต้องด้วยหนังสือของกองตรวจคนเข้าเมือง แต่หนังสือของกองตรวจคนเข้าเมืองถึงบริษัทการบินทุกบริษัทขอมิให้รับบุคคลสัญชาติของประเทศที่ไม่มีสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย หรือคนของประเทศค่ายคอมมิวนิสต์และไม่มีสัมพันธ์ทางการฑูตกับประเทศไทยเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อเดินทางต่อไปประเทศอื่น เป็นแต่เพียงการขอความร่วมมือ ฉะนั้น การที่นางโรเซ็นสไวด์ เทเลเซีย เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนหนังสือฉบับนี้หรือการที่จำเลยรับบุคคลผู้นี้มากับเครื่องบินของจำเลยมาลงที่ท่าอากาศยานกรุงเทพฯเพื่อบินต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยไม่ต้องด้วยหนังสือขอความร่วมมือ จึงหาเป็นความผิดตามกฎหมายอย่างใดไม่ พิพากษายืน.

Share