แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/60 วรรคสอง ความรับผิดของผู้ร้องในฐานะผู้จำนองมีต่อโจทก์เดิมเพียงใด ย่อมเป็นไปตามกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง การที่แผนฟื้นฟูกิจการกำหนดให้เจ้าหนี้ต้องทำหนังสือปลดภาระการจำนองและให้ผู้จำนองสิ้นความผูกพันตามสัญญาทุกฉบับ ย่อมเป็นการขัดต่อบทกฎหมายดังกล่าวอันเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 ผู้ร้องในฐานะผู้จำนองจึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้ส่วนที่ขาด ผู้สวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองของผู้ร้องได้ กรณีไม่มีเหตุจะเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้ร้อง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ร่วมกันชำระเงินตามสัญญาทรัสต์รีซีท 23 ฉบับ แก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระ ถ้าไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ขายทอดตลาดนำเงินมาชำระจนครบถ้วน และให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จำนองร่วมรับผิดชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้จำเลยที่ 2 ไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าต้นเงินตามวงเงินในสัญญาจำนอง 80,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินดังกล่าวในอัตราเดียวกับที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจำเลยที่ 2 จะชำระเสร็จ หากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระ ให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 คือที่ดินโฉนดเลขที่ 6266, 6283, 6422, 8249, 10595, 10703, 16658 และ 17143 ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมสิ่งปลูกสร้างขายทอดตลาดนำเงินมาชำระ หากไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ขายทอดตลาดนำเงินมาชำระจนครบจำนวนหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยเท่าที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด ต่อมาบริษัทบริหารสินทรัพย์อัลฟาแคปปิตอล จำกัด เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์และนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว เพื่อนำออกขายทอดตลาด
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า หลังจากศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง โดยบริษัทแอล พี เอ็น แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้ทำแผนและบริหารแผนและโจทก์เดิมในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นเจ้าหนี้ลำดับที่ 2 ตามแผนของจำเลยที่ 1 กำหนดให้เจ้าหนี้ต้องทำหนังสือปลดภาระการค้ำประกันโดยมีเงื่อนไขการปลดภาระการค้ำประกันในส่วนผู้จำนองว่า เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในแผนทุกฉบับของจำเลยที่ 1 เจ้าหนี้ยินยอมปลดภาระการจำนองที่ผู้จำนองมีต่อเจ้าหนี้และให้ผู้จำนองสิ้นความผูกพันตามสัญญาทุกฉบับที่ได้ทำไว้กับเจ้าหนี้ทันที หลังจากนั้นเจ้าหนี้จะต้องคืนหลักฐานการจำนองทั้งหมดให้แก่ผู้จำนองหรือผู้บริหารแผนภายใน 10 วัน นับแต่วันที่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในแผน การที่จำเลยที่ 1 ยังคงผ่อนชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามแผน โจทก์เดิมยังไม่สามารถยึดและขายทอดตลาดทรัพย์จำนองได้ตามมาตรา 90/60 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ย่อมต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามที่โจทก์เดิมมีต่อผู้ร้อง การที่ผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของผู้ร้องดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการยึดและงดการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าว
ผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ตามแผนฟื้นฟูกิจการมีสาระสำคัญให้จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ หากจำเลยที่ 1 ชำระหนี้เสร็จสิ้นครบถ้วนตามแผน เจ้าหนี้ยินยอมปลดภาระหนี้การค้ำประกัน จำนอง และจำนำทั้งหมดให้แก่ผู้ค้ำประกันและ/หรือผู้จำนอง และ/หรือผู้จำนำ ตามสัญญาทุกฉบับที่ได้ทำไว้กับเจ้าหนี้ทันที และต้องไถ่ถอนจำนองให้แก่ผู้จำนอง ผู้บริหารแผนให้โจทก์เดิมจัดทำหนังสือปลดภาระหนี้ค้ำประกัน เมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติเห็นชอบด้วยแผนโดยไม่มีเจ้าหนี้รายใดคัดค้าน และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว คำสั่งศาลล้มละลายกลางที่เห็นชอบด้วยแผนของจำเลยที่ 1 ย่อมผูกพันเจ้าหนี้ทุกรายที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รวมทั้งโจทก์เดิม อย่างไรก็ตามคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนของศาลล้มละลายกลางมีผลผูกพันเฉพาะจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่ต้องชำระหนี้ตามที่กำหนดในแผนเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่น ๆ ซึ่งต้องร่วมรับผิดกับลูกหนี้ เช่น ลูกหนี้ร่วม ผู้ค้ำประกัน หรือบุคคลที่อยู่ในลักษณะเดียวกับผู้ค้ำประกัน ความผิดของบุคคลดังกล่าวมีอยู่เพียงใด ย่อมเป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง คำสั่งศาลล้มละลายกลางที่เห็นชอบด้วยแผนไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความรับผิดของผู้ร้องตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/60 ดังนั้น หนี้ในส่วนที่ผู้ร้องต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ย่อมระงับไปเฉพาะส่วนที่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการหนี้ในส่วนที่ขาดอยู่จำเลยที่ 2 ยังต้องรับผิดอยู่ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางแพ่ง เมื่อปรากฏตามคำร้องของผู้ร้องว่า จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้แก่ผู้บริหารแผนยังไม่ครบถ้วนและการดำเนินการตามแผนเป็นเรื่องในอนาคตซึ่งไม่แน่นอนว่าผู้บริหารแผนจะสามารถดำเนินการได้สำเร็จหรือไม่ และแม้ว่าในอนาคตโจทก์เดิมอาจจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามแผน โจทก์เดิมก็ยังมีสิทธิเรียกร้องหนี้ส่วนที่ขาดจากผู้ร้องอยู่ ที่ผู้ร้องอ้างว่าแผนกำหนดให้โจทก์เดิมปลดภาระการประกันจากผู้ค้ำประกันของจำเลยที่ 1 นั้น เป็นข้อกำหนดให้ผู้ค้ำประกันหรือลูกหนี้ร่วมหลุดพ้นความรับผิดไปเสียทีเดียว โดยไม่คำนึงว่าเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วหรือไม่ ถือว่าขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/60 วรรคสอง อันเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อกำหนดดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 โจทก์เดิมและผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้ได้และมีสิทธิบังคับคดีทรัพย์จำนองของผู้ร้องโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า มีเหตุจะต้องเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้ร้องตามคำร้องหรือไม่ เห็นว่า คำสั่งศาลซึ่งเห็นชอบด้วยแผนไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความรับผิดของบุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับลูกหนี้ หรือผู้รับผิดร่วมกับลูกหนี้ หรือผู้ค้ำประกัน หรืออยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ในหนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/60 วรรคสอง ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จำนองจึงต้องรับผิดต่อโจทก์เดิม สำหรับความรับผิดของผู้ร้องมีต่อโจทก์เดิมเพียงใด ย่อมเป็นไปตามกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง แม้ได้ความจากทางนำสืบของผู้ร้องว่า การตกลงว่าจะให้มีการปลดภาระหนี้ของผู้ค้ำประกันนั้น เจ้าหนี้ผู้มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ในมูลหนี้ค้ำประกันได้ประชุมหารือกันจนได้ข้อยุติว่าให้ปลดภาระค้ำประกันของผู้ค้ำประกันได้ และเจ้าหนี้ที่มีภาระหนี้ค้ำประกันร่วมพิจารณาเห็นชอบในเนื้อหาหนังสือปลดภาระค้ำประกันแล้วก็ตาม แต่ผลของคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนมีผลเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 (ลูกหนี้) ในคดีฟื้นฟูกิจการเท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากหนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้วมาผูกพันตามหนี้ที่กำหนดไว้ในแผน ส่วนบุคคลอื่นซึ่งต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 (ลูกหนี้) จะต้องรับผิดเช่นไรต้องเป็นไปตามกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งว่าด้วยความรับผิดของบุคคลทางแพ่ง ดังนี้ ในส่วนตัวจำเลยที่ 1 (ลูกหนี้) ย่อมได้รับการปลดเปลื้องความรับผิดในส่วนที่ขาดโดยผลของกฎหมายฟื้นฟูกิจการ แต่ในส่วนผู้ร้องผู้จำนองจะหลุดพ้นความรับผิดก็ต่อเมื่อหนี้นั้นได้ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 การที่แผนฟื้นฟูกิจการในคดีดังกล่าวกำหนดให้เจ้าหนี้ต้องทำหนังสือปลดภาระการจำนองว่า เมื่อเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในแผนแล้ว เจ้าหนี้ยินยอมปลดภาระจำนองที่ผู้จำนองมีต่อเจ้าหนี้และให้ผู้จำนองสิ้นความผูกพันตามสัญญาทุกฉบับที่ได้ทำไว้กับเจ้าหนี้นั้น ย่อมเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/60 วรรคสอง ดังกล่าว อันเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อกำหนดดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ผู้ร้องในฐานะผู้จำนองจึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิดในหนี้ส่วนที่ขาด ผู้สวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ย่อมมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองของผู้ร้องได้ กรณีไม่มีเหตุจะเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้ร้องตามคำร้อง ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้องนั้น ชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ