แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คำสั่งเฉพาะกรมศุลกากรที่ 14/2524 เรื่องการตรวจสอบและประเมินราคาสินค้า และคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 8/2530 เรื่องระเบียบ ปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาราคาที่ใช้ในการประเมินอากรและการ ตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้าเป็นเพียงแนวทางให้เจ้าพนักงานของ กรมศุลกากรจำเลยใช้สำหรับการพิจารณาราคาอันแท้จริงในท้องตลาด โดยการเปรียบเทียบราคากับผู้นำเข้ารายก่อนเท่านั้นคำสั่งเฉพาะ กรมศุลกากรที่ 14/2524 ระบุให้ผู้อำนวยการกองประเมินอากรใช้ดุลพินิจ พิจารณานอกเหนือจากหลักเกณฑ์ในคำสั่งดังกล่าวตามควรแก่กรณีได้ แสดงให้เห็นว่าราคาที่มีผู้นำเข้าสูงสุดในระยะเวลา 3 เดือน ก่อน โจทก์นำเข้าอาจไม่ใช่ราคาอันแท้จริง ในท้องตลาด จึงต้องให้ ผู้อำนวยการกองประเมินราคาพิจารณาอีกชั้นหนึ่งฉะนั้น การ ที่เจ้าพนักงานของจำเลยเห็นว่าราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้า ขาเข้าต่ำกว่าราคาที่เคยมีผู้นำเข้าก่อนหน้านั้น จึงถือ เอาราคาที่มี ผู้นำเข้าสูงสุดในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน ก่อนโจทก์นำเข้าเป็น ราคาที่ใช้ในการประเมิน จึงไม่อาจถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ได้ ปรากฏว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นผลิตภัณฑ์อันเกิดจากผลพลอยได้ ในการผลิตน้ำมันและราคาน้ำมันในท้องตลาดขึ้นลงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทำให้ผลิตภัณฑ์พลอยได้จากน้ำมันขึ้นลงตามไปด้วย ฉะนั้นราคาสูงและ ต่ำในการนำเข้าแต่ละครั้งโดยไม่ปรากฏว่ามีการลดหย่อนราคากัน เป็นพิเศษจึงอาจถือได้ว่าเป็นราคาสินค้าขาเข้าซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลาและที่ที่ของนำเข้าโดยไม่มีหักทอนและลดหย่อนราคา อันถือได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริง ในท้องตลาดได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยกับให้จำเลยคืนเงินจำนวน 596,054.48 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยชอบแล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดคืนเงินอากรขาเข้า เงินเพิ่มและชดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานจำเลยตามใบขนสินค้าขาเข้า 8 ฉบับ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับอากรขาเข้าและเงินเพิ่ม ให้จำเลยคืนเงิน 596,054.48 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอีกร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินต้นจำนวน542,969.25 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้คือ จะถือเอาราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า ซึ่งเป็นราคา ซี.ไอ.เอฟ. เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือถือเอาราคาที่จำเลยประเมินเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดโดยจำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยประเมินราคาสินค้าเพิ่มขึ้นจากราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้า โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมินตามคำสั่งเฉพาะกรมศุลกากรที่ 14/2524 เรื่องการตรวจสอบและประเมินราคาของขาเข้าสำหรับสินค้าเที่ยวที่ 1 และเที่ยวที่ 2 กับคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 8/2530 เรื่องระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาราคาที่ใช้ในการประเมินอากรและการตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้าสำหรับสินค้าเที่ยวที่ 3 ถึงเที่ยวที่ 8 ซึ่งให้ใช้ราคานำเข้าสูงสุดที่มีผู้นำเข้าภายในระยะ 3 เดือน ก่อนที่โจทก์นำเข้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดสำหรับประเมินอากรที่โจทก์จะต้องชำระ เห็นว่า คำสั่งของกรมศุลกากรดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางให้เจ้าพนักงานของจำเลยใช้สำหรับการพิจารณาราคาอันแท้จริงในท้องตลาดโดยการเปรียบเทียบราคากับผู้นำเข้ารายก่อนเท่านั้นนอกจากนี้ตามคำสั่งเฉพาะกรมศุลกากรที่ 14/2524 ยังระบุให้ผู้อำนวยการกองประเมินอากรใช้ดุลพินิจพิจารณานอกเหนือจากหลักเกณฑ์ในคำสั่งดังกล่าวตามควรแก่กรณีได้ แสดงให้เห็นว่าราคาที่มีผู้นำเข้าสูงสุดในระยะเวลา 3 เดือน ก่อนโจทก์นำเข้าอาจไม่ใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด จึงต้องให้ผู้อำนวยการกองประเมินราคาพิจารณาอีกชั้นหนึ่ง ฉะนั้น การที่เจ้าพนักงานของจำเลยเห็นว่าราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าทั้งแปดฉบับ ต่ำกว่าราคาที่เคยมีผู้นำเข้าก่อนหน้านั้น จึงถือเอาราคาที่มีผู้นำเข้าสูงสุดในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน ก่อนโจทก์นำเข้าเป็นราคาที่ใช้ในการประเมินจึงไม่อาจถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดได้ ปัญหาต่อไปคือราคาที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าเข้าตามราคา ซี.ไอ.เอฟ.ถือได้หรือไม่ว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด เห็นว่า โจทก์นำสืบว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้าทั้งสองชนิดเป็นผลิตภัณฑ์อันเกิดจากผลพลอยได้ในการผลิตน้ำมันและราคาน้ำมันในท้องตลาดขึ้นลงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทำให้ผลิตภัณฑ์พลอยได้จากน้ำมันขึ้นลงตามไปด้วย ฉะนั้นราคาสูงและต่ำในการนำเข้าแต่ละครั้งจึงอาจถือได้ว่าเป็นราคาสินค้าขาเข้าซึ่งจะพึงขายของประเภทและชนิดเดียวกันได้โดยไม่ขาดทุนณ เวลาและที่ที่ของนำเข้าโดยไม่มีหักทอนและลดหย่อนราคา อันถือได้ว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดได้ ส่วนที่ราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าแม้จะมีราคาถูกกว่าราคาที่ผู้อื่นนำเข้า ก็หาได้ปรากฏว่าผู้ขายมีการหักทอนหรือลดหย่อนราคาให้แก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ เพียงแต่โจทก์นำสืบว่าก่อนการซื้อจะต้องเจรจาต่อรองราคากับผู้ขายก่อนเท่านั้น ซึ่งเป็นนโยบายทางการค้าของโจทก์ที่จะซื้อสินค้าราคาต่ำกว่าผู้อื่นมาขาย จึงมิใช่ข้อตำหนิว่าราคาสินค้าของโจทก์มิใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดแต่อย่างใดนอกจากนี้ยังปรากฏด้วยว่าโจทก์นำเข้าสินค้าเป็นระยะ ๆ ตลอดเวลาในระยะใกล้เคียงกันก็มีผู้อื่นนำสินค้าชนิดเดียวกันนี้เข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งมีทั้งราคาสูงและต่ำสลับกันไปโดยไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการลดหย่อนราคากันเป็นพิเศษแต่อย่างใด ถือได้ว่าเป็นราคาขึ้นลงตามปกติในท้องตลาด จึงหาใช่ข้อพิรุธสงสัยว่าจะมิใช่ราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ราคาที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและเรียกเก็บเงินเพิ่มจากโจทก์จึงถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดได้ ที่จำเลยประเมินภาษีอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นจึงเป็นการไม่ชอบ จำเลยจึงต้องคืนเงินอากรขาเข้าและเงินเพิ่มพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์”
พิพากษายืน.