คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 3 เพียงแต่ประกอบพิธีแต่งงานเพื่ออยู่กินกันตามประเพณีโดยไม่มีเจตนาจะจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย เงินทั้งหลายที่ฝ่ายโจทก์มอบให้ฝ่ายหญิงจึงไม่ใช่ของหมั้นและสินสอดตามกฎหมาย แม้จะมีการหมั้นกันตามประเพณีและมอบทรัพย์สินให้แก่กันในขณะจำเลยที่ 3 อายุยังไม่ครบ 17 ปีบริบูรณ์ โจทก์ก็หามีสิทธิเรียกคืนไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นบิดาโจทก์ที่ ๒ ได้สู่ขอและหมั้นจำเลยที่ ๓ซึ่งเป็นบุตรสาวของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้โจทก์ที่ ๒ ด้วยเงินสด ๔,๐๐๐ บาท และในวันทำพิธีสมรส โจทก์ทั้งสองได้มอบเงินสินสอดจำนวน ๑๑,๐๐๐ บาท และต้องเสียค่าอาหารและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จำนวน ๑๐,๑๕๐ บาท แต่หลังจากการสมรสแล้วจำเลยที่ ๓ ไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรสและไม่ยอมอยู่กินเป็นสามีภรรยากับโจทก์ที่ ๒ ต่อมาโจทก์ทั้งสองทราบความจริงว่าขณะหมั้นจำเลยที่ ๓ อายุไม่ครบ ๑๗ ปี การหมั้นจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยทั้งสามต้องคืนเงินของหมั้นและเงินสินสอดกับชดใช้ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสามไม่คืนและไม่ชดใช้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน ๒๕,๑๕๐ บาทกับดอกเบี้ย ๓๙๖ บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๒๕,๑๕๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำะเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เรียกสินสอดจากโจทก์อย่างเดียวเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท หลังทำการสมรสโจทก์ที่ ๒ อยู่กินกับจำเลยที่ ๓ เป็นเวลา๒ เดือนเศษ แล้วออกจากบ้านไปเอง โจทก์ที่ ๒ ไม่เคยเรียกร้องให้มีการจดทะเบียนสมรสจำเลยที่ ๓ ยังพร้อมที่จะจดทะเบียนสมรสและอยู่กินกับโจทก์ที่ ๒ จำเลยทั้งสามไม่ผิดสัญญาขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๕,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามไม่ต้องคืนเงินของหมั้นและเงินสินสอดแก่โจทก์ทั้งสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏจากการนำสืบของโจทก์ว่า ทั้งก่อนและในวันแต่งงานฝ่ายโจทก์ได้เคยพูดกับทางฝ่ายจำเลยถึงเรื่องการจดทะเบียนสมรสให้เป็นกิจจะลักษณะ ตลอดเวลาที่อยู่กินด้วยกันประมาณ ๑ เดือน โจทก์ที่ ๒ ก็ไม่เคยขอให้จำเลยที่ ๓ ไปจดทะเบียนสมรส กลับได้ความจากโจทก์ที่ ๒ เองว่า โจทก์ที่ ๒ ไม่เคยมีความคิดที่จะจดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ ๓ มาก่อน โจทก์ที่ ๒ ไปขอให้จำเลยที่ ๓ ไปจดทะเบียนสมรสตามคำแนะนำของทนายความ นอกจากนั้นโจทก์ที่ ๒ ยังเบิกความว่า แม้จำเลยที่ ๓ อายุไม่ครบ ๑๗ ปี โจทก์ที่ ๒ ก็จะแต่งงานด้วย ซึ่งแสดงว่าโจทก์ที่ ๒ มุ่งประสงค์จะแต่งงานอยู่กินกับจำเลยที่ ๓ ตามประเพณีเป็นสำคัญ หาได้นำพาต่อการจดทะเบียนสมรสไม่ เมื่อโจทก์ที่ ๒ กับจำเลยที่ ๓ เพียงแต่ประกอบพิธีแต่งงานเพื่ออยู่กินกันตามประเพณี ไม่มีเจตนาจะจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย เงินทั้งหลายที่ฝ่ายโจทก์มอบให้แก่ฝ่ายจำเลยจึงไม่ใช่ของหมั้นและสินสอดตามกฎหมาย แม้จะมีการหมั้นกันตามประเพณีและมอบทรัพย์สินให้แก่กันในขณะที่จำเลยที่ ๓ อายุยังไม่ครบ ๑๗ ปีบริบูรณ์ โจทก์ก็หามีสิทธิเรียกคืนไม่
พิพากษายืน.

Share